ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 2 ปี 2567 มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ อยู่ที่ 11.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.91% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 5.60 ล้านบาท มีรายได้รวมอยู่ที่ 569.27 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10.11% เทียบกับช่วงเดียวกันของก่อน ที่มีรายได้รวม 516.98 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการรักษาพยาบาลที่เติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 479.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.06 ล้านบาท หรือเติบโต 8.62% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
มีรายได้จากการให้บริการของบริษัทย่อย AMARC เพิ่มขึ้น 12.73 ล้านบาท หรือ 18.12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการบุกตลาดภูมิภาค การขยายขอบข่ายการให้บริการ การเติบโตในทุกกลุ่มบริการและมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงความสามารถในการรับงานโครงการเอกชนที่เพิ่มขึ้น และมีรายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เพิ่มขึ้น 29.50% จากนโยบายการขยายการเติบโตในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม ในงวด 3 เดือน บริษัทได้รับผลกระทบจากการที่สำนักงานประกันสังคมปรับลดอัตราการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ประเภทผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (AdjRW>2) งวดสุดท้ายสำหรับปีดำเนินงาน 2566 ให้แก่สถานพยาบาลคู่สัญญา ส่งผลให้รายได้ประกันสังคมของบริษัทลดลง 13.16 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.01%
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ อยู่ที่ 22.19 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 22.62 ล้านบาท มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,132.36 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11.43% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,016.17 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการรักษาพยาบาลที่เติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 961.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.43 ล้านบาท หรือเติบโต 10.25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด สำหรับผลประกอบการในงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 29 สิงหาคม 2567 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 30 สิงหาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 12 กันยายน 2567
สำหรับความคืบหน้าแผนการลงทุนสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางแห่งใหม่ 2 แห่งคือ รพ.จักษุอินเตอร์ฯ ลาดพร้าว และรพ.ศัลยกรรมเฉพาะทางรวมผ่าตัดหัวใจครบวงจร มูลค่าการลงทุนรวม 1,300 ล้านบาท เป็นค่าก่อสร้างตึก 500 ล้านบาท และค่าอุปกรณ์การแพทย์ 800 ล้านบาท ได้ออกแบบเป็นอาคารสีเขียว (Green Building) เทรนด์รักษ์โลก คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2568 พร้อมเปิดให้บริการ ต้นปี 2569 ซึ่งจะรองรับคนไข้ไทยพรีเมี่ยมและคนไข้ต่างชาติ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับ LPH
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายการลงทุน โรงพยาบาลตรวจสุขภาพเพิ่มขึ้น จากเดิมเปิด รพ.ตรวจสุขภาพ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่โคราช เพื่อขยายฐานลูกค้าโรงงานขนาดกลางและเล็กที่มีจำนวนพนักงานไม่เกิน 500 คน คาดรายได้ในส่วนตรวจสุขภาพนอกสถานที่จะเติบโตกว่า 50%
โดยแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ ช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว จำนวนผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาเพิ่มขึ้น คาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้รายได้ของ LPH เติบโต 20-25% เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยภาพรวมปัจจุบันคนไข้ทั่วไปกลับมาเข้ารับการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น ทั้งคนไข้ภายนอก (OPD) และคนไข้ใน (IPD) โดยสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มผู้ป่วยจากประกันสังคม (สปส.) ราว 45% และกลุ่มผู้ป่วยเงินสดราว 55% ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติทยอยกลับมาใช้บริการมากขึ้นเช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่จะเป็นคนไข้จากตะวันออกกลาง รวมถึงคนไข้ประเทศกัมพูชา ซึ่งสนใจเข้ารับการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น โดยประเมินรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติในปี 2567 คาดว่ารายได้จะเติบโตราว 50% จากปีที่ผ่านมา
“จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้สัดส่วนผู้ป่วยเงินสดเพิ่มสูงขึ้นด้วย ปัจจุบันโรงพยาบาลมีสัดส่วนคนไข้ต่างประเทศรวมทั้งหมดไม่ถึง 5% โดยตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปี (2566-2568) จำนวนผู้ป่วยจากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นมาเป็นสัดส่วนที่ 10%” ดร.อังกูร กล่าว
นอกจากนี้ ฐานผู้ป่วยประกันตนในปี 2567 ล่าสุดอยู่ที่ 181,200 ราย จากโควต้า 200,000 กว่าราย เนื่องจากธุรกิจย่านลาดพร้าวมีการขยายตัวไม่มาก โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมา LPH ได้เปิดศูนย์การแพทย์ประกันสังคมลาดพร้าวแห่งใหม่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลเดิมด้วย เพื่อรองรับฐานผู้ป่วยที่ใหญ่ขึ้น สามารถรับผู้ป่วยนอกประกันสังคม วันละ 1,000 คน และเป็นศูนย์ตรวจสุขภาพประกันสังคมด้วย
ที่มา: IR PLUS