ผู้บริหารของบริษัทฯ กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดหกเดือนแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิ 35.03 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่ากับ 1,277.65 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 86.93% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและสูงกว่าตัวเลขกำไรสุทธิของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 1,115.61 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้จากการขายสำหรับครึ่งปีแรกของปี 2567อยู่ที่ 1,856.42 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่ากับ 67,639.23 ล้านบาท) ลด 14.50% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ในงวดไตรมาส 2/2567 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 19.96 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่ากับ 736.18 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น 90.71% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากการขาย 975.06 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่ากับ 35,959.81 ล้านบาท) ลดลง 10.61% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
“การที่บริษัทฯมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง จากการปรับโครงสร้างภายใน เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารโดยรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในต่างประเทศ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและบริหารจัดการลูกค้าที่ลดลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา รวมทั้งต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงจากการนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนไป ชำระหนี้สถาบันการเงิน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ”
นอกจากนี้โรงงานแห่งใหม่จะผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อจากลูกค้าโดยเริ่มมุ่งเน้นไปที่สินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น ผลิตภัณฑ์การพิมพ์และภาพคุณภาพสูง (Laser Printer), อุปกรณ์สำหรับจัดเก็บข้อมูล (SSD), อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (Wearable Device) และอื่นๆ อีกทั้ง สาขาต่างประเทศของบริษัทฯ ยังสามารถตอบสนองความต้องการใหม่ๆ เช่น Data Server อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ เครื่องใช้ในบ้านอัจฉริยะและระบบเฝ้าระวัง (IoT) และอื่นๆ
ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท จำนวนหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลทั้งหมด 10,450,002,831 หุ้น รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 731,500,198.17 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 29 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 กันยายน 2567
ที่มา: ไออาร์ เน็ตเวิร์ค