จนเมื่อถึงเวลาประตูได้เปิดต้อนรับทุกคนเข้านั่งประจำที่เสียงดนตรีเปิดมาเป็นสัญญาณแจ้งเตือนให้ทุกคนได้รู้ว่าความสนุกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว โดยต้อนรับทุกคนด้วยเพลงแรกกับ หมดแก้ว จากทีมประสานเสียงเพื่อเป็นการเคลียร์หูก่อนจะต่อด้วยเพลง Onlyfan ซิงเกิลล่าสุดของเดอะ พาร์คินสัน ที่ถูกเติมเต็มด้วยเครื่องดนตรีหลากหลายชิ้นมาสร้างมิติใหม่ให้กับเพลงนี้ ก่อนจะไปกันต่อกับ เมื่อคืน, เพื่อนรัก ก่อนจะพักทักทายทุกคนเล็กน้อยให้ได้หายใจหายคอ ก่อนจะกลับเข้าสู่การแสดงต่อกับเพลง รักยังคงไม่พอ, ฉันรักเธอใช่ไหม, ไม่จำ!, สุขไม่สุด ที่กานต์ได้เดินลงไปร้องเพลงนี้ให้ทุกคนได้ยินกันแบบฟูลเอชดี ต่อด้วยเพลง พูดลาสักคำ และ โซลซัดโซลเซ เมดเลย์โดยวงออร์เครสตรา ที่สะกดให้ทุกคนหลงใหลไปกับการบรรเลงที่ถูกเรียงร้อยไว้อย่างงดงาม ก่อนจะส่งต่อให้เดอะ พาร์คินสัน ได้วาดลวดลายกันต่อกับ My Lady, ไปเถอะ ในเพลงนี้ยังได้เห็นผสานของเครื่องสายและโซโล่กีตาร์จากกานต์ ตามมาด้วย เป็นประจำ, คนชั่ว 2018, ไหนวะ, คืนนี้, แค่นี้พอ กับความสวยงามจากผู้ชมที่สาดแสงเล็กจนกลายมาเป็นทะเลดาวทั่วทั้งฮอลล์ ก่อนจะลากันไปด้วยเพลง จะบอกเธอว่ารัก ที่มาทั้งในเวอร์ชั่นปกติและเวอร์ชั่นบรรเลงฟูลสเกลเป็นการส่งทุกคนกลับบ้าน
โดยคอนเสิร์ต “The Parkinson Orchestra concert โซลซัด โซลเซ” (เดอะ พาร์คินสัน ออเครสตรา คอนเสิร์ต โซลซัด โซลเซ) ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับแฟนเพลงได้ชมคอนเสิร์ตดนตรี Soul - Orchesta ที่สมกับคำว่า คุณภาพแบบไฮเอ็นด์ที่บอกได้เลยว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ติดตามกันต่อไปว่าครั้งหน้า SPICYDISC จะมอบความสนุกแบบไหนให้กับแฟนๆ ได้ชมกัน โดยติดตามได้ที่ Fanpage SPICYDISC หรือ SPICY EVENT รับรองได้เลยว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน
ที่มา: สไปร์ซซี่ ดิสก์