นายนพดา อธิกากัมพู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นพดาซุปเปอร์ฟู้ดส์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเทียมดำภายใต้แบรนด์ 'B-Garlic’ ได้เปิดเผยถึงกลยุทธ์และปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จในการยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นว่า มีจุดเริ่มต้นมาจากความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพชุมชนและเกษตรกรไทย คุณนพดาจึงได้สานต่อธุรกิจค้ากระเทียมสดของครอบครัวที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นกว่า 40 ปี ทำให้คุณนพดาได้เห็นถึงความท้าทายของการแข่งขันทางด้านราคาจากการเปิดการค้าเสรีที่ส่งผลให้ราคากระเทียมไทยล้นตลาด และเกิดภาวะราคากระเทียมไทยตกต่ำ เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมได้รับผลกระทบตามไปด้วย เพื่อช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คุณนพดาจึงค้นหาแนวทางเพิ่มมูลค่าให้กับกระเทียมไทย และก่อตั้งแบรนด์ B – Garlic ขึ้นในปี 2559 พร้อมเปิดตัวสินค้าซิกเนเจอร์อย่าง กระเทียมดำ เป็นเจ้าแรกของประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานจากอย.
แม้ปัจจุบันจะเริ่มมีธุรกิจกระเทียมดำเข้ามาในตลาดมากยิ่งขึ้น แต่ B – Garlic ยังคงเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง เพราะความใส่ใจในการรักษามาตรฐานความยั่งยืนไปพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยนายนพดาได้เผยเคล็ดลับในการดำเนินธุรกิจและสร้างจุดแข็งท่ามกลางการแข่งขัน จนสามารถยืนหนึ่งในตลาดกระเทียมดำได้ต่อเนื่อง ดังต่อไปนี้
- ยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นให้เป็นสินค้าพรีเมียม
B – Garlic ได้ทุ่มเทเพื่อส่งมอบรสชาติและคุณภาพของสินค้าที่ดีที่สุด โดยยึดมั่นในมาตรฐานกระบวนการผลิตระดับสูงสุด เพื่อเปลี่ยนภาพจำว่ากระเทียมสดเป็นสินค้าที่มีกลิ่นฉุน ไม่น่ารับประทาน ผ่านกรรมวิธีการผลิตเฉพาะ จนได้มาเป็นกระเทียมดำที่ไร้กลิ่นฉุน รสชาติหวาน อมเปรี้ยว เคี้ยวทานง่าย พอดีคำ อีกทั้งคุณค่าทางสารอาหารเพิ่มมากขึ้น โดยกระเทียมดำ 1 หัว มีสารอาหารสูงกว่ากระเทียมสดถึง 13 หัว และมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ควบคุมความดันโลหิต ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ควบคุมระดับไขมันและคอเลสเตอรอลที่สะสมอุดตันในเส้นเลือด ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี บำรุงสมอง รวมถึงป้องกันความผิดปกติของระบบประสาทได้
อีกทั้งยังได้ร่วมกับคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) และหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เพื่อพัฒนานวัตกรรมการแปรรูปด้วยการบ่มระดับมาตรฐานสากล จนได้มีกระเทียมดำที่อร่อย และมีคุณประโยชน์มากมายที่ดีต่อสุขภาพเช่นทุกวันนี้
- ใช้ประโยชน์จากอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการทำการตลาด และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างยิ่งขึ้น B – Garlic เลือกใช้ช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางในการขาย รวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างลาซาด้า โดยได้เปิด Flagship Store บน LazMall และประยุกต์ใช้เครื่องมือการตลาดต่าง ๆ ในการเจาะข้อมูลเชิงลึกของพฤติกรรมลูกค้าแบบเรียลไทม์ พร้อมนำมาปรับกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้ของแบรนด์ นอกจากนี้ ยังเข้าร่วมแคมเปญต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น จัดดีลพิเศษเพื่อจูงใจลูกค้าใหม่ และเข้าร่วมโปรแกรม LazCoins เพื่อมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับนักช้อปขาประจำ ผ่านการสะสมและแลกเหรียญเป็นส่วนลด ทำให้ B – Garlic สามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง และในขณะเดียวกันก็สามารถควบคุมต้นทุน ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด
- 3. เตรียมแผนต่อยอดธุรกิจกระเทียมดำสู่ระดับโลก
นอกจากการทำธุรกิจภายในประเทศ คุณนพดายังมีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายที่จะต่อยอดในการขยายตลาดไปจนถึงระดับโลก เพื่อเพิ่มชื่อเสียงให้กับประเทศและยกระดับสินค้าไทย ด้วยความเชื่อมั่นของคุณภาพสินค้า และศักยภาพของกระเทียมดำไทย โดย B – Garlic ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น และดูไบ ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และล่าสุด B – Garlic ได้เข้าร่วมงาน THAIFEX เพื่อขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก และทำให้ลูกค้าต่างชาติได้สัมผัสผลิตภัณฑ์ พร้อมทำความรู้จักกับ 'กระเทียมดำ’ สมุนไพรไทยมากยิ่งขึ้น
“สิ่งที่ทำให้แบรนด์ของเราโดดเด่นและสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า คือคุณภาพสินค้าที่เป็นเลิศ ผสานกับนวัตกรรมบนแพลตฟอร์มลาซาด้า ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้ามากกว่าราคาหรือโปรโมชั่น และนั่นคือกุญแจสำคัญที่ทำให้แบรนด์ของเรายั่งยืน” นายนพดา กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: เวเบอร์ แชนด์วิค