นายพรรณรบ เตชะมงคลาภิวัฒน์ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเทคนิคร่วม ภายใต้คณะกรรมการร่วมไทย - ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขง และแม่น้ำเหือง (Joint Technical Sub-Committee for Management on Mekong River and Heung River : JTMH) ฝ่ายไทย กล่าวว่า ราชอาณาจักรไทยและ สปป.ลาว ได้กำหนดกลไกปรึกษาหารือเกี่ยวกับผลกระทบต่อตลิ่ง รวมทั้งระบบนิเวศวิทยา อันเกิดจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง เนื่องจากแม่น้ำโขง และแม่น้ำเหือง เป็นแม่น้ำกั้นระหว่างไทย - ลาว การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อตลิ่งของแต่ละฝ่าย หรือแนวร่องน้ำลึกได้ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ บริเวณแม่น้ำและตลิ่งของทั้งสองประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดประโยชน์ และเป็นการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ด้วยเหตุผลตามหลักวิชาการ ขั้นตอนต่อไป JTMH จะได้นำผลการลงนามรับรองผลการตรวจสอบพื้นที่ร่วมกัน 10 จุด เสนอต่อ คณะกรรมการร่วมไทย – ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขง และแม่น้ำเหือง เหือง (Joint Committee for Management on Mekong River and Heung River : JCMH) เพื่อทราบต่อไป
สำหรับการประชุมคณะ JTMH ในวันนี้ จัดขึ้นผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดยฝ่ายลาวเป็นเจ้าภาพ ซึ่งฝ่ายไทยและฝ่ายลาวได้ดำเนินการร่วมกันตรวจพื้นที่รวม 10 จุด เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย โดยบันทึกที่จัดทำจากการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ในวันนี้แบ่งเป็นสองฉบับ เป็นภาษาไทยและภาษาลาว ทั้งสองภาษามีคุณค่าเท่าเทียมกัน และบันทึกผลการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว จะไม่กระทบต่อสิทธิของราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในเรื่องเขตแดนภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศแต่อย่างใด ทั้งนี้ การร่วมมือระหว่างประเทศไทย และ สปป.ลาว เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการอนุรักษ์แม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างสองประเทศ และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาค อีกด้วย
ที่มา: กรมโยธาธิการและผังเมือง
