Chery จับมือ KGEN ร่วมทุนก้าวใหญ่ ปักหมุดตั้งโรงงานผลิต OMODA & JAECOO รถยนต์ไฟฟ้า 100% ปฏิวัติวงการยานยนต์ไทยหนุนส่งออกทั่วโลก

ศุกร์ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ ๑๗:๐๘
เชอรี่ อินเตอร์เนชั่นแนล ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของจีน บริษัทแม่ของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จับมือ บริษัท คิงเจน จำกัด (มหาชน) สร้างความสำเร็จครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ ร่วมทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในไทย เพื่อผลิตรถยนต์ OMODA และ JAECOO ด้วยมูลค่าลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท โดยจะมีกำลังการผลิตในเฟสแรก 50,000 คันต่อปี และภายในปี 2571 จะขยายเป็น 80,000 คันต่อปี พร้อมลุยตลาดในประเทศและส่งออกทั่วโลก หวังผลักดันไทยขึ้นแท่นฮับ EV ของภูมิภาค ขณะที่ KGEN ประกาศพร้อมก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการผลิตรถยนต์ EV สนองความต้องการตลาดทั้งในประเทศและระดับโลก โดยทั้ง 2 บริษัท ได้จัดพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุน (Joint Venture) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในงานยังได้รับเกียรติจาก นางสาวศุภมาศ อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมเป็นประธานเปิดงานและร่วมเป็นสักขีพยานว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต EV ระดับโลก KGEN เป็นบริษัทมหาชนรายแรกของไทย ที่ได้เข้าร่วมลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ระดับโลก
Chery จับมือ KGEN ร่วมทุนก้าวใหญ่ ปักหมุดตั้งโรงงานผลิต OMODA JAECOO รถยนต์ไฟฟ้า 100% ปฏิวัติวงการยานยนต์ไทยหนุนส่งออกทั่วโลก

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะคณะกรรมการนโยบายยานยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ บอร์ดอีวี กล่าวว่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้คนไทยและประเทศไทยได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการจ้างงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า สำหรับ Chery ถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศจีนที่เชื่อมั่นนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย และตัดสินใจเข้ามาลงทุนโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ขอยืนยันว่ารัฐบาลไทย และ อว. พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เชื่อมั่นว่าตลาดยานยนต์ของไทยมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายเฉิน ชุนชิง (Mr.Chen Chunqing) รองประธาน เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า Chery มีประสบการณ์ด้านยานยนต์ระดับโลกมากว่า 27 ปี ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก มีโรงงานในต่างประเทศกว่า 10 แห่ง พร้อมผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการมากกว่า 1,500 แห่ง รวมถึงมีศูนย์วิจัยและพัฒนาทุกภูมิภาคทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรายใหญ่ที่สุดของจีนติดต่อกันมาถึง 22 ปี และเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยศักยภาพและการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง ประกอบกับความเชื่อมั่นในนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย Chery จึงตัดสินใจเข้ามาลงทุนโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย การจับมือกับ KGEN ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ KGEN ที่แข็งแกร่ง จะช่วยตอกย้ำจุดยืนให้กับ Chery ในตลาดประเทศไทย และสร้างความเชื่อมั่นว่ารถยนต์ OMODA และ JAECOO ได้มาตรฐานสูงสุดระดับสากล พร้อมช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่มาตรฐานระดับสากลอีกด้วย

ขณะที่ นายฉี เจี๋ย (Mr.Qi Jie) ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและตั้งใจสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในประเทศไทย พร้อมไม่หยุดนิ่งที่จะเติมเต็มประสบการณ์ของผู้ขับขี่ให้รถยนต์เป็น "มากกว่ารถยนต์" และส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคชาวไทย การจับมือกับ KGEN เพื่อร่วมลงทุนสร้างโรงงานในครั้งนี้ จะเน้นผลิตรถไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่และไฮบริด โดยเฟสแรกมีเป้าหมายการผลิตรถ JAECOO EV จำนวน 50,000 คัน ภายในปี 2568 และเฟสต่อมามีเป้าหมายผลิตรถ OMODA EV จำนวน 80,000 คัน ภายในปี 2571 สำหรับขายในประเทศ และส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้สร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริการหลังการขายของทั้งสองแบรนด์ ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าแบบครบวงจร ผ่านผู้จำหน่าย โอโมดา แอนด์ เจคู ทั่วประเทศทั้ง 23 แห่ง และจะขยายถึง 40 แห่งภายในปีนี้

นางสาวพรทิพย์ ตรงกิ่งตอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงเจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN กล่าวว่า การร่วมทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ภายใต้ความร่วมมือกับ เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล ในครั้งนี้ทาง KGEN ถือหุ้น 60% ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการยานยนต์ไทย จากการลงทุนในอดีตที่บริษัทต่างชาติจะลงทุนเองทั้ง 100% ซึ่งเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของไทยจากการเป็นเพียงแหล่ง OME โดยการลงทุนครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท คาดว่าเฟสแรกจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2568 และจะขยายกำลังการผลิตในปี 2571

นอกจากการจำหน่ายในประเทศแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก โดยโรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในการส่งออก ที่สามารถรองรับการผลิตรถยนต์ทั้งพวงมาลัยขวาและพวงมาลัยซ้าย ซึ่ง โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายมุ่งยกกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้ และการขยายตลาดส่งออกจะเป็นส่วนสำคัญในการดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ประเทศตามเป้าหมายของรัฐบาล เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ KGEN และช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดยานยนต์ระดับโลก 

ที่มา: มูนช็อท ดิจิตอล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๕๐ LPP ชูจุดแข็งงานด้านวิศวกรรม ร่วมลงนามเซ็นสัญญาปรับปรุงท่อประปาภายในอาคารใหม่
๑๔:๒๘ สยามพิวรรธน์ผนึกกำลังพันธมิตร เปิดพื้นที่รับบริจาค ช่วยผู้ประสบอุทกภัย ภายใต้โครงการ สยามรวมใจ ไทยช่วยไทย
๑๔:๕๖ SPUBUS ร่วมกับ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ หอวัง นนทบุรี และ MILLE Thailand ปลูกฝังวินัยการเงินให้นักเรียนรุ่นใหม่
๑๔:๓๓ อว. โดย วช. นำนวัตกรรมโดรน ช่วยลำเลียงถุงยังชีพ ลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบอุทกภัย พร้อมกับ อว.ส่วนหน้า ณ พื้นที่ อ.แม่สาย
๑๓:๕๔ 11 เช็กลิสต์ พิชิตธุรกิจออนไลน์จาก ETDA Thailand: เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ที่อยากปังในโลก e-Commerce
๑๓:๔๐ เฉลิมฉลองเทศกาลเจกับโรงแรมและเรสซิเดนซ์ในเครือชาเทรียม
๑๓:๓๐ ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้ ร่วมแรงร่วมใจเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนกับกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ภายใต้โครงการ Think First Think
๑๔:๓๙ BEFAST รู้ไว ปลอดภัย สัญญาณเตือนอันตราย โรคหลอดเลือดสมอง
๑๓:๕๕ TM เผยนำเข้าสินค้าใหม่เสริมจุดแกร่งขายโรงพยาบาลทั่วประเทศ มั่นใจความต้องการซื้อเครื่องมือแพทย์ดันยอดขายทั้งปีแตะ 700
๑๓:๒๙ RT ให้ข้อมูลเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่1/67 แก่ผู้แนะนำการลงทุน