- รายได้โดยรวมในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 นี้ โตขึ้น 10% อยู่ที่ 41 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 1.07 พันล้านบาท ณ อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 3 ก.ย. 2567) โดยได้รับอานิสงส์การฟื้นตัวและกลับมาเติบโตของตลาดในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง
- กำไรส่วนที่เป็นเงินสด (Adjusted EBITDA) ในช่วงไตรมาสที่ 2 เติบโตมาอยู่ที่ 7 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 183.4 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 131 ล้านบาท) หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตราว 48% YoY
- ทั้งนี้ สัดส่วนอัตรากำไรขั้นต้นที่ได้ (Adjusted EBITDA margin) ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2567 นี้อยู่ที่ 17% เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 13%
บริษัท พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป จำกัด (ชื่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก NYSE: PGRU) (จากนี้จะเรียกแทนว่า "พร็อพเพอร์ตี้กูรู" หรือ "บริษัท" ) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[1] ("PropTech") และเป็นบริษัทแม่ของ 2 แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทย ประกอบด้วย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของไทย และ thinkofliving.com เว็บไซต์รีวิวโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย วันนี้ได้แถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยรายได้ ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 อยู่ที่ 41 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราว 1.07 พันล้านบาท ณ อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 3 ก.ย. 2567) เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาราว 10% (+10% YoY) ในขณะที่อัตราขาดทุนสุทธิ (Net Loss) ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้อยู่ที่ 16 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 419.2 ล้านบาท) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ได้[2] ยังคงเป็นบวกอยู่ที่ 7 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 183.4 ล้านบาท) ตัวเลขดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นบวกเมื่อเทียบกับผลประกอบการในช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้นอัตราขาดทุนสุทธิ (Net Loss) อยู่ที่ 6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 157.12 ล้านบาท) ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นที่ได้ 2 อยู่ที่ 5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 130.9 ล้านบาท)
ไฮไลต์ผลประกอบการ - ไตรมาสที่ 2 ปี 2567
- รายได้โดยรวมเพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า (+10%YoY) มาอยู่ที่41 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 1.07 พันล้านบาท
- รายได้จากหน่วยธุรกิจมาร์เก็ตเพลสโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 11% มาอยู่ที่ 39 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว02 พันล้านบาท) ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวของตลาดในประเทศมาเลเซียและเวียดนาม รวมไปถึงตลาดที่มีความแข็งแกร่งอย่างสิงคโปร์
- รายได้ตามเซ็กเมนต์:
- หน่วยธุรกิจมาร์เก็ตเพลสในสิงคโปร์มีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 16% อยู่ที่ 25 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 655 ล้านบาท) เนื่องจากจำนวนเอเจนต์และรายได้เฉลี่ยต่อเอเจนต์ ("ARPA") เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ในไตรมาสที่ 2 รายได้เฉลี่ยต่อเอเจนต์เพิ่มขึ้นราว 17% อยู่ที่1,464 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 38,000 บาท) เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนจำนวนเอเจนต์ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเกือบ 500 รายมาอยู่ที่ 16,577 รายจากไตรมาสที่ 2 ของปีก่อนหน้า อัตราการต่ออายุสมาชิกในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 84%
- รายได้ของหน่วยธุรกิจมาร์เก็ตเพลสในมาเลเซียเติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 12% อยู่ที่ 7 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 183.4 ล้านบาท) โดยบริษัทยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ในการใช้ความแข็งแกร่งของ 2 แบรนด์หลัก ที่เป็นเจ้าตลาดด้านแพลตฟอร์มอสังหาฯ ในมาเลเซียเป็นจุดแข็งในการเดินเกมรุก และมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคในมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง
- รายได้ของหน่วยธุรกิจมาร์เก็ตเพลสในเวียดนามเติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า 4% อยู่ที่ 5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 131ล้านบาท) โดยรายได้มาจากการที่จำนวนรายการประกาศที่เพิ่มขึ้นสามารถทดแทนรายได้ต่อประกาศ ("ARPL") ที่ลดลงไปบางส่วนได้บ้าง ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เวียดนามมีจำนวนประกาศเพิ่มขึ้นราว 17% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันอยู่ที่ราว 1.5 ล้านรายการ รายได้เฉลี่ยต่อประกาศอยู่ที่ 3.46 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 90 บาท) ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว
- ในขณะที่รายได้จากหน่วยธุรกิจ Fintech & Data services เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 3% (+3% YoY) อยู่ที่ 6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 42 ล้านบาท)
- ณ สิ้นสุดไตรมาส 2 ปี 2567 เงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสด (Cash & Cash equivalents) มีทั้งสิ้น 309 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 8.09 พันล้านบาท)
[1] ข้อมูลอ้างอิงจาก SimilarWeb ช่วงระหว่างเดือน ม.ค.- มิ.ย. 2567
[2] ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาอ้างอิงถึง non-IFRS reconciliation of net income/(loss) to Adjusted EBITDA section
ที่มา: FAQ