ปัจจุบัน SCBAM มีกองทุน Thai ESG ให้เลือกลงทุนครบ 4 สไตล์ ทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม กองทุนหุ้น Active กองทุนหุ้น Passive โดยครั้งนี้ ได้เปิดเพิ่มกองทุนชนิด e-class พร้อมกันทุกสไตล์ ประกอบด้วย (1) กองทุน SCBTB(ThaiESGE) หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ไทยยั่งยืน (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) ลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ เสริมด้วยตราสารหนี้เอกชนคุณภาพดี ที่โดดเด่นด้าน ESG เสนอขายครั้งแรกวันที่ 2 ก.ย. 67 - 16 ก.ย. 67 (2) กองทุน SCBTM(ThaiESGE) หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ไทยผสมยั่งยืน (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) ลงทุนผสมยืดหยุ่นในตราสารหนี้ และหุ้นของบริษัทที่โดดเด่นด้าน ESG (3) กองทุน SCBTA(ThaiESGE) หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนแอคทีฟ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) ลงทุนเชิงรุก คัดหุ้นไทยที่คำนึงปัจจัยด้าน ESG ในการดำเนินธุรกิจและมีมูลค่าน่าสนใจ และสุดท้าย (4) กองทุน SCBTP(ThaiESGE) หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนพาสซีฟ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) ลงทุนด้วยกลยุทธ์แบบ Optimization มุ่งสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี SETESG TRI
นางสาวศุภรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "กองทุน e-class สามารถลงทุนได้ผ่านแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click ที่เดียวเท่านั้น มีกองทุนให้เลือกลงทุนครอบคลุมทุกสินทรัพย์ทั่วโลก พร้อมกับสิทธิพิเศษยกเว้นค่าธรรมเนียม(*) โดยมีวงเงินการลงทุนสูงสุด 1 ล้านบาทต่อท่าน และเช่นเดียวกันกับกองทุนลดหย่อนภาษี e-class ซึ่งประกอบไปด้วย SSF e-class และ Thai ESG e-class ที่นักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนอย่างเต็มที่ จากการฟรีค่าธรรมเนียมการซื้อ-ขาย-จัดการ และปีนี้มาพร้อมกับการขยายวงเงินลงทุนต่อท่านในกองทุนลดหย่อนภาษี e-class เป็น 300,000 บาท (นับรวมอยู่ในวงเงินของกองทุน e-class ทั้งหมด) เพื่อสนับสนุนการลงทุนเพื่อออมเงินของคนไทยให้เพิ่มมากขึ้น"
ที่มา: บลจ.ไทยพาณิชย์