ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า NIA เป็นองค์กรหลักในการเสริมสร้างระบบนวัตกรรมแห่งชาติเพื่อเพิ่มคุณค่าที่ยั่งยืน ภายใต้บทบาท 'ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม' หรือ Focal Conductor ที่เชื่อมโยงการการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ที่จะเอื้อให้ระบบนวัตกรรมไทยเป็นระบบที่เปิดกว้าง โดยเฉพาะระดับพื้นที่และภูมิภาค ด้วยการสร้างโอกาสและความร่วมมือด้านนวัตกรรมระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดการกระจายของนวัตกรรมและสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ซึ่งมีปัจจัยสำคัญคือการสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเครือข่ายนวัตกร โดยเฉพาะภาคเอกชนที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคและร่วมพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมไทยให้เข้มแข็ง พร้อมผลักดันไทยก้าวสู่ 'ชาตินวัตกรรม' ต่อไป
"ที่ผ่านมา NIA เห็นโอกาสและศักยภาพในการส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมสีเขียวเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยอาศัยกลไกการสนับสนุนโครงการนวัตกรรมมุ่งเป้า (Thematic Innovation) และนวัตกรรมดี…ไม่มีดอกเบี้ย ในหลายสาขา เช่น โครงการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Circular Economy) จำนวน 18 โครงการ วงเงินสนับสนุนไม่น้อยกว่า 40.79 ล้านบาท โครงการด้านพลังงานสะอาด (Clean energy) จำนวน 15 โครงการ วงเงินสนับสนุนไม่น้อยกว่า 40.53 ล้านบาท โครงการนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) จำนวน 37 โครงการ วงเงินสนับสนุนไม่น้อยกว่า 109.493 ล้านบาท และโครงการ Climate Tech Acceleration Program 2024 รวมการสนับสนุนไม่น้อยกว่า 190 ล้านบาท และเพื่อเป็นการขยายโอกาสต่อยอดความสำเร็จของผู้ประกอบการทั้งเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่น NIA จึงได้ลงนามความร่วมมือกับ SME D Bank ภายใต้ 'โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้านนวัตกรรม ปี 2567-2568' เพื่อสนับสนุนทางการเงิน และการบ่มเพาะผู้ประกอบการระดับภูมิภาคทั้งกลุ่มเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่สนใจใน 'ธุรกิจนวัตกรรมสีเขียว' เพื่อยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ โดยจะสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและนวัตกรรมดีที่ผ่านการรับรองจาก NIA ให้เข้าถึงแหล่งทุนสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษจาก SME D Bank พร้อมรับสิทธิประโยชน์พิเศษจากโครงการ 'นวัตกรรมดี…ไม่มีดอกเบี้ย' โดย NIA จะสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยให้แทนในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำนวัตกรรมไปต่อยอด ลงทุน ขยาย ปรับปรุง ปรับเปลี่ยน หรือหมุนเวียน สร้างกิจการเติบโตได้เต็มศักยภาพต่อไป"
นายโมกุล โปษยะพิสิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการ SME D Bank ได้รับมอบหมายจากนายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ SME D Bank กล่าวในการแถลงความร่วมมือกิจกรรม "กลไกการสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมสีเขียว เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน" ว่า ปัจจุบันการทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง ความร่วมมือครั้งนี้จึงมีความสำคัญที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี ช่วยยกระดับสู่การเป็นธุรกิจนวัตกรรมสีเขียว ทำให้เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ลดต้นทุนจากการใช้พลังงานสะอาด และปรับตัวเข้ากับกฎกติกาใหม่ระดับสากลที่กำหนดให้ธุรกิจต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล?อม อีกทั้ง ส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้พัฒนานวัตกรรมกับผู้ใช้นวัตกรรรม สร้างการลงทุน เพิ่มประสิทธิภาพให้แก่อุตสาหกรรมในประเทศต่อไป ซึ่ง SME D Bank พร้อมสนับสนุน "ด้านการเงิน" เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีนวัตกรรมดี และต้องการยกระดับสู่ธุรกิจสีเขียว หรือผ่านการรับรองจาก NIA ให้เข้าถึงสินเชื่อจาก SME D Bank เช่น โครงการสินเชื่อ 'SME Green Productivity' เงื่อนไขสุดพิเศษ ดอกเบี้ยพิเศษร้อยละ 3 ต่อปี คงที่ 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุดถึง 10 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้น 12 เดือนแรก มีหรือไม่มี หลักทรัพย์ค้ำประกัน ก็กู้ได้ และ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 4 ปีแรก เป็นต้น นอกจากนั้น การได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจาก NIA ในโครงการ "นวัตกรรมดี…ไม่มีดอกเบี้ย" ที่จะช่วยสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยให้แทนในช่วง 3 ปีแรกนั้น มีส่วนสำคัญมาก เพราะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ลดต้นทุนธุรกิจ สามารถเดินหน้าพัฒนายกระดับธุรกิจสู่ธุรกิจนวัตกรรมสีเขียวได้อย่างราบรื่น
"นอกจากนี้ SME D Bank ยังสนับสนุน "ด้านการพัฒนา" ควบคู่ด้วยเสมอ ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ที่ให้บริการฟรี โดยมีฟีเจอร์สำคัญ เช่น 1) Business Health Check ระบบตรวจประเมินสุขภาพธุรกิจ 2) E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้สำคัญสำหรับเพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชม. 3) SME D Coach ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจจากโค้ชมืออาชีพ 4) SME D Activity ระบบจองเข้าร่วมกิจกรรมเติมความรู้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี และ 5) SME D Market ขยายตลาดด้วย E-marketplace และจับคู่ธุรกิจ พร้อมทั้งสิทธิประโยชน์พิเศษอื่นอีกมากมายที่จะช่วยยกระดับความสามารถทางธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพให้ก้าวสู่การเป็น Smart SMEs ที่เติบโตอย่างเข้มแข็งยั่งยืนในโลกธุรกิจปัจจุบันและอนาคต"
ทั้งนี้ ความร่วมมือในกิจกรรม 'กลไกการสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมสีเขียว เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน' จะจัดต่อเนื่อง รวม 4 ครั้ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ได้แก่ ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ วันที่ 9 กันยายน 2567 ครั้งที่ 2 ภาคอีสาน จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 23 กันยายน 2567 ครั้งที่ 3 ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 27 กันยายน 2567 และครั้งที่ 4 ภาคใต้ จังหวัดสงขลา 30 กันยายน 2567 ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี แจ้งความประสงค์เข้าร่วมกิจกรรมได้ที่แพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357
ที่มา: เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์