คามุ คามุ เปิดตัว Duo Dolce เมนูละมุน x2 เครื่องดื่มพร้อม"บลามันเจ พุดดิ้ง" ท็อปปิ้งลับประจำซีซั่น สูตร Vegan 100% รุกตลาดสุขภาพ ด้วยแคมเปญ "It's never too late…" ชวนชานมเลิฟเวอร์ปรับสมดุลการบริโภค อร่อยแบบไม่ตึงเครียด

อังคาร ๑๐ กันยายน ๒๕๖๗ ๑๔:๕๓
คุณทินกฤต สินทัตตโสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คามุ คามุ จำกัด กล่าวว่า "อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) ประเทศไทย มูลค่าตลาดร้านอาหารในช่วงปี 2023 มีมูลค่าประมาณ 4.35 แสนล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 7.1 จากปี 2022 โดยธุรกิจได้รับปัจจัยหนุนจากการ ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ และปัจจัยจากช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองและวันหยุดยาว ในช่วงท้ายปี
คามุ คามุ เปิดตัว Duo Dolce เมนูละมุน x2 เครื่องดื่มพร้อมบลามันเจ พุดดิ้ง ท็อปปิ้งลับประจำซีซั่น สูตร Vegan 100% รุกตลาดสุขภาพ ด้วยแคมเปญ It's never too late ชวนชานมเลิฟเวอร์ปรับสมดุลการบริโภค อร่อยแบบไม่ตึงเครียด

ตลอดระยะเวลากว่า 13 ปี คามุ คามุ ยังคงยึดมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงใจอย่างแท้จริง ซึ่งในปีที่ผ่านมาพบว่าลูกค้ามีความพยายามที่จะยืดหยุ่นและสร้างสมดุลให้กับการบริโภค ซึ่งเห็นได้จากสถิติที่ลูกค้าที่มีการสั่งความหวาน 25% และ หวาน 75% มีเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% แสดงให้เห็นว่า มีลูกค้าบางกลุ่มพยายามจะปรับพฤติกรรมทีละเล็กน้อย เพื่อให้การดูแลสุขภาพหรือการรักษาสมดุลในการบริโภคเป็นไปอย่างยั่งยืน ในขณะที่ลูกค้าที่ชอบ "หวานน้อย" และ "หวานร้อย" มีสัดส่วนที่เท่ากัน คือ  50/50% ทางบริษัทจึงได้คิดสูตรที่รองรับการสั่งความหวานที่เป็นสูตรเฉพาะของแต่ละเมนูที่ยังคงตวามอร่อย และยังดีต่อสุขภาพ รวมถึงการเพิ่มนมทางเลือกจากพืช และเครื่องดื่มไร้กาแฟอีน ทั้งนี้ ปัจจุบัน  คามุ คามุ มีสาขารวม 179 สาขา ในประเทศไทย

สำหรับในปีนี้ คามุ คามุ ยังคงต่อยอดเทรนด์สุขภาพสำหรับชานมเลิฟเวอร์ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด เครื่องดื่ม Duo Dolce เมนูละมุน x2 เครื่องดื่มพร้อม "บลามันเจ พุดดิ้ง" (Blancmange Pudding) ท็อปปิ้งลับประจำซีซั่น สูตร Vegan 100% สัมผัสที่ความเนียนนุ่ม ปราศจากนมสดและครีม ซึ่งได้รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยสูตรต้นตำรับจากฝรั่งเศส นอกจากให้อรรถรสเพิ่มขึ้นแล้วยังดีต่อสุขภาพด้วย ครั้งนี้ คามุ คามุได้ตอบรับความต้องการของการบริโภค Non-Diary Product ที่เพิ่มมากขึ้น ตัวพุดดิ้งเองจึงมาในรูปแบบของท็อปปิ้งบนเครื่องดิ่มและในรูปแบบของของว่าง ได้แก่ พรีเมี่ยม มัทฉะ ซอย ดริ๊งก์ (Premium Matcha Soy Drink), Original - OG Soy Drink , ชาฟัก กรีนที เลมอนเนด (Winter Melon Green Tea Lemonade),ชาฟัก เลมอนเนด (Winter Melon Lemonade), ESPRESSO Soy Drink และ Super Soy Parfait

Super Soy Parfait Dessert เครื่องดื่มแนว Dessert In A Cup ที่รวมเอาท็อปปิ้งใหม่และท็อปปิ้งยอดฮิตของคามุทั้ง 4 ตัว ใน Soy Drink ไว้ในแก้วเดียว มีรสชาติกลมกล่อมไม่มีกลิ่นถั่วเหลืองที่แรงเกินไป ดื่มง่าย เป็นมิติใหม่ของเครื่องดื่มและของว่างในยุคที่ทุกคนต้องการบาลานซ์ความอร่อยล้ำและดีต่อสุขภาพ

Winter Melon Green Tea ชาฟักยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นที่ชื่นชอบหมาล่าและเป็นเครื่องดื่มสุดฮอต Winter Melon Drink หรือน้ำฟักเขียว มีคุณสมบัติดับกระหาย ทำให้ชุ่มคอ ซึ่งทางคามุ ได้นำเอา Fresh Jasmine Green Tea หรือชามะลิที่เป็นที่ชื่นชอบตลอดกาลมาปรุงสูตรกับ Winter Melon และเพิ่มความสดชื่นด้วยน้ำเลมอนเนดจากเลมอนสดเข้าไป ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ฟินเว่อร์ในการดื่มเครื่องดิ่มที่อร่อย มีรสชาติหลากมิติ เปิดประสบการณ์การดื่มชาหรือน้ำฟักไปอีกขั้นอย่างลงตัว

เปิดประสบการณ์กับเครื่องดื่มและท็อปปิ้งในซีรีส์ Duo Dolce เมนูละมุน x2 โดยไม่ต้องรอถึงเทศกาลเจ

คุณรณิดา สินทัตตโสภณ กรรมการบริหาร บริษัท คามุ คามุ จำกัด กล่าวว่า "ปี 2567 เทรนด์การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มแบบยั่งยืนกำลังเติบโต ผู้บริโภคเริ่มมองหาเครื่องดื่มจากพืชเป็นทางเลือกแทนนมวัว นมปราศจากสัตว์ เนื่องจากใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยกว่าการผลิตนมวัว อีกทั้งยังมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าผลิตภัณฑ์นมทั่วไปถึงร้อยละ 96 เครื่องดื่มลดน้ำตาล และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพลำไส้ คามุ คามุ จึงได้พัฒนาสูตรเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ เครื่องดื่มสูตรเจและวีแกน 100% ที่สร้างสรรคจากพืชที่มีรสชาติอร่อย เข้มข้น อาทิ นมถั่วเหลือง ชาฟัก เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งผู้รักสุขภาพ

ซึ่งก่อนจะเข้าช่วงเทศกาลเจประจำปี 2567 ที่กำลังจะมาถึงในต้นเดือนตุลาคมนี้ คามุ คามุ ได้จัดแคมเปญ "It's never too late…" เพื่อเชิญชวนผู้บริโภคร่วมการปรับพฤติกรรมการบริโภคให้สมดุลขึ้น แต่ไม่ตึงเครียดจนเกินไป โดยเริ่มจากการลองลดนมวัวเป็นบางวัน (Flexitarian) ซึ่งเป็นเทรนด์ใหญ่ในกลุ่มคนรักสุขภาพทั่วโลกที่หันมาบริโภคนมทางเลือกหรือการลดน้ำตาล ลดหวาน และเพิ่มการบริโภคขนม ของว่างที่อิ่มนานขึ้น และมีประโยชน์ต่อสุขภาพกายและใจให้มากขึ้น แบบไม่ตึงเครียดจนเกินไป นอกจากนี้ทางบริษัทยังมุ่งหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม เครื่องดื่ม ขนม ให้มีรสชาติกลมกล่อม แปลกใหม่ รับประทานง่าย ที่ถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายการเติบโตยอดขายรายสาขาอย่างยั่งยืนสำหรับคู่ค้าในฝั่งแฟรนไชส์ของเรา อาทิเช่น วาฟเฟิลร้อนที่ทำจากแป้งโมจิ (Mochi Waff) ไอศกรีมซอฟเสริฟ (Soft Serve Twist) หรือ สเลอร์ปี้ชาไทย (Frosty Thai Tea) ที่เริ่มจำหน่ายเฉพาะสาขาในปีนี้

ทั้งนี้ เครื่องดื่มและท็อปปิ้งทั้งหมดในซีรีส์ Duo Dolce เมนูละมุน x2 ทั้งเมนูชา กาแฟ และเครื่องดิ่มที่ไร้คาเฟอิน เป็นสูตรเจและวีแกน100% จึงเหมาะสำหรับคนอยากเริ่มต้นดูแลสุขภาพจากจุดเริ่มต้นง่าย ๆ อยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมเปิดประสบการณ์กับเครื่องดื่มและท็อปปิ้งทั้งหมดในซีรีส์ Duo Dolce เมนูละมุน x2 ตั้งแต่วันนี้ ที่คามุ คามุ ทุกสาขาที่ร่วมรายการ โดยสามารถติดตามข่าวสารและเมนูอร่อย สุขภาพดีของคามุ คามุ ได้ที่ www.facebook.com/kamukamu.tea

ที่มา: buppa PR

คามุ คามุ เปิดตัว Duo Dolce เมนูละมุน x2 เครื่องดื่มพร้อมบลามันเจ พุดดิ้ง ท็อปปิ้งลับประจำซีซั่น สูตร Vegan 100% รุกตลาดสุขภาพ ด้วยแคมเปญ It's never too late ชวนชานมเลิฟเวอร์ปรับสมดุลการบริโภค อร่อยแบบไม่ตึงเครียด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๑๗:๑๖ กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๑๗:๕๕ Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๑๗:๔๗ โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๑๗:๑๒ ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๑๗:๐๐ กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๑๖:๐๐ WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๑๖:๐๔ เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๑๖:๔๗ ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๑๖:๐๒ NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ