ทั้งนี้ เลขาธิการ ก.ล.ต. ได้กล่าวถึงแนวโน้มสำคัญในการดำเนินการของ ก.ล.ต. และความท้าทายของการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการทำงานเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมักจะมาพร้อมกับ "ความเสี่ยง" และ "โอกาส" รวมทั้งได้กล่าวถึงการกำกับดูแลและการพัฒนาซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ ก.ล.ต. เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ของผู้ประกอบธุรกิจและผู้ระดมทุนในตลาดทุน รวมถึงการเสริมสร้างให้ตลาดทุนเชื่อถือได้ มีกลไกคุ้มครองผู้ลงทุนที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยที่ผ่านมาได้นำนวัตกรรมด้าน data analytics และ models มาช่วยในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เช่น Uptick Rule, Dynamic Price Band และ Minimum Resting Time เป็นต้น
สำหรับทิศทางในปีหน้านั้น ก.ล.ต. จะมุ่งเน้นส่งเสริมผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความยั่งยืน (ESG) การลงทุนระยะยาว (การเปลี่ยนเงินออมให้เป็นเงินลงทุน) รวมถึงการเสริมสร้างกลไกให้เกิดการลงทุนอย่างยั่งยืน เช่น Thai ESG ภายใต้เงื่อนไขใหม่ และ digitization ที่จะเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายให้เร็วยิ่งขึ้น เช่น fraud prediction เป็นต้น
ที่มา: ก.ล.ต.