PMC พร้อมลั่นระฆัง! เทรด mai 11 ก.ย.นี้ โบรกฯ เคาะราคาเหมาะสมที่ 3.40 - 4.12 บ./หุ้น ย้ำเป้า มุ่งสู่ยอดขายพันล้าน Top 3 ผู้นำตลาดสติ๊กเกอร์เปล่าบุกอาเซียน

พุธ ๑๑ กันยายน ๒๐๒๔ ๐๙:๑๓
PMC หุ้นไอพีโอรายใหญ่วงการสติ๊กเกอร์เปล่า พร้อมลั่นระฆังเทรดวันแรก 11 ก.ย.นี้ เงินระดมทุนหนุนแผนโต "เอก สุวัฒนพิมพ์" ซีอีโอ ตั้งเป้ามุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์เปล่าในภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบันอยู่ระหว่างเดินหน้าขยายกำลังการผลิต โดยใช้เครื่องจักรที่มีความทันสมัย ไฮเทคโนโลยี ช่วยหนุนต้นทุนต่อหน่วยลดลง ตั้งธงในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพิ่มยอดขายสู่ระดับ 1,000 ลบ. ด้วยอัตราการเติบโตของยอดขายไม่ต่ำกว่า 7-10% ต่อปี และจะมีศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Centers) ครบ 5 แห่ง ในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ครอบคลุมประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ด้านบทวิเคราะห์จาก 5 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ประเมิน PMC ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 3.40 - 4.12 บ./หุ้น
PMC พร้อมลั่นระฆัง! เทรด mai 11 ก.ย.นี้ โบรกฯ เคาะราคาเหมาะสมที่ 3.40 - 4.12 บ./หุ้น ย้ำเป้า มุ่งสู่ยอดขายพันล้าน Top 3 ผู้นำตลาดสติ๊กเกอร์เปล่าบุกอาเซียน

นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMC ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์เปล่าหรือฉลากกาวรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรม (INDUS) ในวันที่ 11 กันยายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อ "PMC" วางเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์เปล่าในภูมิภาคอาเซียน ด้วยยอดขายและผลกำไรที่เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่การสร้างความยั่งยืนร่วมกับคู่ค้า

ชูปัจจัยพื้นฐานธุรกิจมีความแข็งแกร่ง สามารถปรับกลยุทธ์ภายใต้วิกฤติต่างๆ จนวันนี้มองว่า PMC เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมสติ๊กเกอร์เปล่า ซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการผลิตฉลากสินค้าและฉลากบรรจุภัณฑ์ โดยจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น ในด้านความไว้วางใจ และความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายสินค้า ส่งผลให้ปัจจุบัน PMC มีฐานลูกค้าอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์หลักๆ อยู่ในกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว, กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, กลุ่มโลจิสติกส์ และสามารถเข้าถึงทุกกลุ่มผู้บริโภคปลายทาง การเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จึงเป็นการสนับสนุนให้ PMC ยกระดับองค์กรสู่มาตรฐานสากล สามารถสร้าง New S-Curve ทางธุรกิจได้

โดยในช่วงที่ผ่านมา PMC มีการใช้อัตรากำลังการผลิตอยู่ในระดับสูง ดังนั้น แผนขยายตลาดและการเพิ่มยอดขายต้องมั่นใจว่ามีกำลังการผลิตรองรับ และคีย์สำคัญคือเทคโนโลยี บริษัทฯ จึงลงทุนขยายกำลังการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสติ๊กเกอร์อีก 110 ล้านตารางเมตรต่อปี ด้วยเครื่องจักรที่มีความทันสมัยและมีความหลากหลาย ซึ่งจะทำให้ PMC มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จาก 75 ล้านตารางเมตรต่อปี เป็น 185 ล้านตารางเมตรต่อปี ซึ่งถือเป็นกำลังการผลิตที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับที่ 3 ของผู้ประกอบการในประเทศไทย และสนับสนุนคุณภาพของสินค้าที่สูงขึ้น พร้อมต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำลง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/68 นี้

นอกจากนี้ PMC โฟกัสกลยุทธ์การเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉลากกาวในภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบันมีฐานลูกค้าหลักอยู่ในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย พร้อมทั้งปักธงขยายไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ โดยอยู่ระหว่างขยายไปเวียดนาม และอินโดนีเซียเพิ่มเติม เพราะหากอยู่ใน 5 ประเทศนี้ ก็เทียบเท่ากับการเข้าไปในตลาดที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในอาเซียน ควบคู่การโฟกัสผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าพิเศษและไฮมาร์จิ้นมากขึ้น การเพิ่ม Value Added ให้ลูกค้า ทำให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

ด้านนางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของ PMC เชื่อมั่นว่านักลงทุนมองเห็นศักยภาพและโอกาสการเติบโตของ PMC ซึ่งนับเป็นหุ้นสายอุตสาหกรรมที่มีจุดเด่นเป็นบริษัทชั้นนำด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหารที่มาจากทั้ง SELIC และอุตสาหกรรมฉลากกาว มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี พร้อมก้าวสู่ผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉลากกาวในภูมิภาคอาเซียนต่อไป

การเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ของ PMC จะสนับสนุนบริษัทฯ นำเงินที่ได้จากการระดมทุนใช้ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตใหม่ และชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน รวมถึงลงทุนขยายธุรกิจของบริษัท ซึ่งรวมถึงการขยายศูนย์กระจายสินค้าในประเทศต่างๆ เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต และสนับสนุนการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2568 - 2570) บริษัท ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายสู่ระดับ 1,000 ล้านบาท โดยจะรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายไม่ต่ำกว่า 7-10% ต่อปี และตั้งเป้าที่จะมีศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Centers) ครบ 5 แห่ง ครอบคลุมประเทศที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพื่อขยายฐานลูกค้ารายใหญ่ในภูมิภาค ควบคู่การบริการหลังการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ PMC เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 115.72 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ กำหนดราคาเสนอขายที่ 1.82 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Trailing 12-month P/E Ratio) เท่ากับ 12.18 เท่า (Pre-dilution) และ 17.40 เท่า (Fully-Diluted) นับเป็นราคาที่เหมาะสมและมีความน่าสนใจ ขณะที่ บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำรวม 5 แห่ง ที่จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ให้มูลค่าพื้นฐานของ PMC ปี 2567 อยู่ที่ระหว่าง 3.40 - 4.12 บาท/หุ้น

ที่มา: IR PLUS

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO