รายงานใหม่โดยยูนิเซฟและทีดีอาร์ไอ พบว่า เด็กยากจนร้อยละ 34 ไม่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

พุธ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๗ ๑๑:๔๓
การศึกษาล่าสุด โดยองค์การยูนิเซฟและสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ชี้ให้เห็นว่าเด็กจากครัวเรือนยากจนกว่า ร้อยละ 34 ไม่ได้รับเงินอุดหนุนรายเดือนที่พวกเขามีสิทธิ์ได้รับตามโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
รายงานใหม่โดยยูนิเซฟและทีดีอาร์ไอ พบว่า เด็กยากจนร้อยละ 34 ไม่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

ยูนิเซฟได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการขยายโครงการนี้ให้ครอบคลุมเด็กทุกคนที่อายุต่ำกว่า 6 ปี ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาครัวเรือนตกหล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศไทยกำลังมีอัตราการเกิดที่ต่ำและจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

นางเซเวอรีน เลโอนาร์ดี รองผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า "การลงทุนในช่วงปีแรกของชีวิตคือการลงทุนที่ฉลาดที่สุดในการพัฒนาทุนมนุษย์ของประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยมีงบประมาณเพียงพอที่จะทำได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนทางการคลัง ตามการคาดการณ์ของยูนิเซฟและทีดีอาร์ไอ ทั้งนี้ช่วงหกปีแรกของชีวิตคือโอกาสสำคัญในการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เพื่อให้เด็กมีสุขภาพดี เรียนรู้เต็มที่ มีอาชีพที่ดี และมีส่วนร่วมในสังคม ในทางกลับกัน การไม่ลงทุนในช่วงนี้อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของประเทศไทยโดยรวมในอนาคต"

งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าเงินอุดหนุนมีประโยชน์มากต่อสุขภาพและโภชนาการของเด็ก แต่เนื่องจากยังมีครอบครัวที่ตกหล่นจำนวนมากประกอบกับจำนวนเงินช่วยเหลือรายเดือนที่น้อย ทำให้โครงการยังไม่สามารถลดความยากจนได้เท่าที่ควร

ดร. สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึงของทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า "หลักฐานจากทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าปัญหาการตกหล่นเกิดขึ้นเสมอกับโครงการที่เน้นให้สิทธิ์เฉพาะประชากรบางกลุ่ม ซึ่งมักเกิดจากความผิดพลาดในขั้นตอนการคัดกรองและการลงทะเบียนเพื่อตรวจคุณสมบัติครอบครัวว่าเข้าเกณฑ์ได้รับสิทธิ์หรือไม่ ข้อมูลใหม่ชี้ให้เห็นว่าโครงการนี้ยังขาดประสิทธิภาพเนื่องจากยังมีอัตราการตกหล่นที่สูง"

โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดริเริ่มขึ้นในปี 2558 และได้ขยายครอบคลุมจำนวนเด็กมากขึ้นเรื่อย ๆ และเพิ่มจำนวนเงินที่ได้รับต่อเดือน อย่างไรก็ตาม การศึกษาชี้ว่า จำนวนเงินอุดหนุนปัจจุบันที่ 600 บาทต่อเดือนยังไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของเด็ก

ดร. สมชัยกล่าวเสริมว่า "รัฐบาลไทยสามารถขจัดปัญหาการตกหล่นได้ด้วยการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมอีก 7 พันล้านบาท เพื่อให้เข้าถึงเด็กอายุน้อยกว่า 6 ปีอีก 1 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ในโครงการ ส่วนใหญ่เป็นเด็กจากครัวเรือนยากจน ซึ่งจะทำให้งบประมาณทั้งหมดของโครงการนี้อยู่ที่ประมาณ 23,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.1 ของจีดีพี นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะเด็กคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศ"

การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยสวนดุสิตโพลเมื่อต้นปีนี้พบว่าร้อยละ 81 ของประชาชนในประเทศไทยสนับสนุนการขยายโครงการนี้ให้เป็นแบบถ้วนหน้า เนื่องจากพวกเขามองว่าเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือครอบครัวที่มีเด็ก ช่วยลดความยากจน และช่วยเติมเต็มสิทธิของเด็กทุกคนในการมีวัยเด็กที่มีคุณภาพ

หลักฐานชี้ว่าโครงการนี้มีผลดีต่อโภชนาการของเด็กและการเข้าถึงการดูแลหลังคลอด โดยสามารถส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาตลอดชีวิตของเด็ก ซึ่งเป็นการช่วยพัฒนาทุนมนุษย์ของไทยและช่วยให้ประเทศเติบโตและก้าวหน้า การขยายโครงการให้ครอบคลุมเด็กทุกคนถือเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคนในสังคม สิ่งนี้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริม 'การเริ่มต้นชีวิตและการเติบโตอย่างมีคุณภาพ' สำหรับเด็กทุกคน เพื่อแก้ปัญหารายได้ไม่เพียงพอที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวและอนาคตของแรงงาน

ที่มา: องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version