นายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (FM) เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งครอบครัวดุษฎีโหนด และกองทุน นอร์ทเฮเว่น ไทย ไพรเวท อิควิตี้ โดมินิค คอมปานี (ฮ่องกง) ("นอร์ทเฮเว่น ไทยฯ ") ยังคงถือหุ้น FM และพร้อมที่จะถือลงทุนระยะยาว เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตที่ดี โดยจากภาพรวมธุรกิจไก่แปรรูปปรุงสุกส่งออกของประเทศไทยมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับหนึ่งของโลก และตลาดมีการขยายตัวทุกปี รวมทั้งมีแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจนในการสร้างการเติบโตต่อเนื่อง
" จากการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นเดือนสิงหาคม 2567 พบว่า "นอร์ทเฮเว่น ไทย ฯ ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนเท่าเดิมเพราะเชื่อมั่นในธุรกิจ ที่มีการเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด " นายณัฐพล กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าลุยกลยุทธ์สร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจารูปแบบการลงทุนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อสร้าง New Growth คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ขณะเดียวกันยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจปี 2567 เพื่อนำพา FM ไปสู่การเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุกชั้นนำของประเทศไทย
บริษัทฯ วางเป้าหมายผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก (2 digit) จากปีก่อน จากกลยุทธ์การขยายกำลังการผลิต (Capacity Expansion) ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น เพิ่มประสิทธิภาพ สายการผลิตเดิมและเพิ่มไลน์การผลิตใหม่ของโรงงานแปรรูปไก่ปรุงสุก (CAV Products) และโรงเชือดและชำแหละไก่ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง หรือธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์พลอยได้ โดยยังความสำคัญด้านการผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Food Technology) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและผลกำไร
" หลังจากที่เราได้เม็ดเงินจากการระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ ก็เดินหน้าตามแผนการขยายกำลังการผลิตทันที เพราะออเดอร์เข้ามาต่อเนื่อง ตอนนี้ไลน์การผลิตที่ 5 กำลังการผลิตกว่า 70% ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีตามแผนที่วางไว้ โดยบริษัทฯ เตรียมขยายกำลังการผลิตไก่แปรรูปปรุงสุกเพิ่มขึ้น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 27,600 ตันต่อปีเป็น 36,000 ตันต่อปีในปี 2569 ส่วนผลิตภัณฑ์ไก่ชำแหละเพิ่มขึ้น 25% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 144,000 ตัวต่อวันเป็น 180,000 ตัวต่อวันในปี 2569" นายณัฐพล กล่าว
ขณะที่นายสุเมธ มาสิลีรังสี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน FM กล่าวว่า บริษัทฯเชื่อมั่นว่าผลประกอบการจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งรายได้และผลกำไร เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่เติบโต เป็นช่วงขาขึ้น ราคาขายไก่ดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งแนวโน้มออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่สนับสนุน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ แสดงความสนใจในการเข้าลงทุน สอบถามรายละเอียดข้อมูลธุรกิจ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง ความชัดเจนแผนการดำเนินงานและเป้าหมายธุรกิจที่วางไว้ ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา งวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 371 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 226 ล้านบาท คิดเป็น 155% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 3,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 725 ล้านบาท คิดเป็น 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,900 ล้านบาท รวมทั้งการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรก (1 ม.ค.- 30 มิ.ย.67) เป็นเงินสดในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้นอีกด้วย
ที่มา: ฟู้ดโมเม้นท์