KTAM เคาะจ่ายปันผลและลดทุน กลุ่มกองทุนอสังหาฯ-อินฟราฯ Q2 ปี 67 กว่า 1.8 พันล้าน วันที่ 13 ก.ย.นี้

พฤหัส ๑๒ กันยายน ๒๐๒๔ ๑๔:๓๔
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยครึ่งปีแรกขยายตัว 1.9%YoY โดยการบริโภคในประเทศยังเป็นแรงหนุนหลัก รวมถึงปัจจัยจากภาคการท่องเที่ยวที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่ต้นปีแตะที่ระดับ 20.6 ล้าน ถึงแม้ว่าการลงทุนในส่วนของภาคเอกชนและภาครัฐชะลอลง แต่ยังคงมีสัญญาณดีขึ้นจากเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวขึ้น 3.4%YoY (ที่มา: รายงานประจำเดือนของ ธปท. ข้อมูล ณ วันที่ 30 ส.ค. 2567) ส่งผลให้กองทุนสร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงได้ประกาศจ่ายปันผลและจ่ายลดทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวมจำนวนกว่า 1,828 ล้านบาท พร้อมกัน 5 กองทุนในวันที่ 13 ก.ย. 2567 และจ่ายไปแล้ว 1 กองทุนจากผลการดำเนินงาน ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. - 31 พ.ค. 2567 เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็น
KTAM เคาะจ่ายปันผลและลดทุน กลุ่มกองทุนอสังหาฯ-อินฟราฯ Q2 ปี 67 กว่า 1.8 พันล้าน วันที่ 13 ก.ย.นี้

กลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนประกาศจ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 ก.ย. 2567 นี้ พร้อมกัน ทั้ง 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) ซึ่งลงทุนในผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้า ในสัดส่วนร้อยละ 62% ของรายได้ค่าไฟฟ้าจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของบริษัทผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด กับ กฟผ. และภายในกลุ่มน้ำตาลครบุรี โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล โดยใช้กากอ้อยซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้จากการผลิตน้ำตาลเป็นเชื้อเพลิงหลัก สัญญาเข้าลงทุนของกองทุนมีระยะเวลาถึงปี 2582 หรืออีกประมาณ 15 ปี จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหากระแสรายได้จากทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยกองทุนประกาศจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสมสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 เม.ย. - 30 มิ.ย. 2567 ในอัตรา 0.2350 บาทต่อหน่วย โดยเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่16 นับแต่จัดตั้งกองทุน

ลำดับถัดมาคือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ที่ลงทุนในสิทธิในรายได้ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางสุทธิ ที่จัดเก็บได้จากโครงการทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี ซึ่งบริหารโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) สัญญาเข้าลงทุนของกองทุนมีระยะเวลาคงเหลือประมาณ 24 ปี (สิ้นสุดปี 2591) กองทุนนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหาทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่มีโอกาสสร้างรายได้ตามการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการทางพิเศษทั้งใน 2 เส้นทางนี้ และอัตราเงินเฟ้อ โดยกองทุนกำหนดจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 เม.ย. - 30 มิ.ย. 2567 ในอัตรา 0.1102 บาทต่อหน่วย เป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 23 นับแต่จัดตั้งกองทุน

และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGATIF) ซึ่งลงทุนในสิทธิในรายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 โดยกองทุนกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 34 จากกำไรสุทธิและกำไรสะสมสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 เม.ย. - 30 มิ.ย. 2567 ในอัตรา 0.1056 บาทต่อหน่วย และจ่ายลดทุนครั้งที่ 14 ในอัตรา 0.1300 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายปันผลและลดทุน จำนวน 0.2356 บาทต่อหน่วย

สำหรับกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่13 ก.ย. นี้ ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี. ทาวเวอร์ โกรท (CPTGF) ซึ่งมีรายได้จากการลงทุนในสิทธิการเช่าในที่ดิน, อาคาร และส่วนควบของอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าในอาคารย่านธุรกิจใจกลางเมือง 3 แห่ง ได้แก่ CP Tower 1 (สีลม) CP Tower 2 (รัชดาภิเษก) และ CP Tower 3 (พญาไท) ซึ่งกองทุนจะจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสมในอัตรา 0.1555 บาทต่อหน่วย และจ่ายลดทุน ในอัตรา 0.0175 บาทต่อหน่วย รวมเงินปันผลและลดทุน จำนวน 0.1730 บาทต่อหน่วย โดยการจ่ายเงินปันผลและเงินลดทุนครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 41 และ ครั้งที่ 17 ตามลำดับ และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท (TTLPF) ซึ่งลงทุนในสิทธิการเช่าของสิ่งปลูกสร้างบางส่วนในโครงการตลาดไท โดยกองทุนกำหนดจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานและกำไรสะสมสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 เม.ย. - 30 มิ.ย. 2567 ในอัตรา 0.5400 บาทต่อหน่วย นับเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่55 นับแต่จัดตั้งกองทุน

ก่อนหน้านี้ได้มีการจ่ายปันผลจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท (LPF) ที่มีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าโลตัส จำนวน 23 สาขา ซึ่งกองทุนได้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 มี.ค. - 31 พ.ค. 2567 ในอัตรา 0.2155 บาทต่อหน่วย เป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 49 นับแต่จัดตั้งกองทุน โดยจ่ายให้ผู้ถือหน่วยแล้วเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th

คำเตือน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจในลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ที่มา: บลจ.กรุงไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO