นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) กล่าวว่า จากการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยปัจจุบัน เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หนองคาย เลย อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และปราจีนบุรี รวม 39 อำเภอ 182 ตำบล 797 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,073 ครัวเรือน จึงได้สั่งการกรมโยธาธิการและผังเมือง ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยครอบคลุมทุกมิติ
นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า จากข้อสั่งการข้างต้น กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้สั่งการให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ที่อยู่ในเขตพื้นที่อุทกภัย รวมถึงจังหวัดที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาอุทกภัย ร่วมกับสำนักสนับสนุนและพัฒนาตามผังเมือง กองบูรณะและบำรุงรักษา และสำนักที่เกี่ยวข้อง รวบรวมข้อมูลเครื่องจักรของผู้รับจ้างที่อยู่ในพื้นที่ และการช่วยเหลือในด้านช่างอื่น ๆ (อาทิ ทราย ฯลฯ) ที่พร้อมสนับสนุนการดำเนินการฯ รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ พร้อมทั้งส่งข้อมูลฯ ดังกล่าว ให้สำนักงานเลขานุการกรมฯ รวบรวม เพื่อรายงานต่อกองบัญชาการฯ ทราบต่อไป รวมถึงให้โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด เป็นหัวหน้าคณะทำงานฯ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเข้าสำรวจพื้นที่เสียหาย และรวบรวมข้อมูลช่างของจังหวัด รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและสำนักงานเลขานุการกรมฯ ทราบ เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลสนับสนุนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนให้เป็นไปด้วยความคล่องตัว
ทั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมือง ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาภัยพิบัติจากสถานการณ์น้ำหลากที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งขอให้สังเกตและสำรวจพื้นที่ตลิ่งริมแม่น้ำ หากพบรอยร้าว รอยแยกและการทรุดตัวที่ผิดปกติ และหากพบเห็นปัญหาคันกั้นน้ำชำรุด สามารถแจ้งได้ที่ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดทุกจังหวัด
ที่มา: กรมโยธาธิการและผังเมือง