บลจ.กรุงศรี เปิดตัว 2 กองทุนใหม่ เหนือกว่ากองทุนผสมทั่วไป ด้วยกลยุทธ์การปรับพอร์ตที่รวดเร็วรับทุกสภาวะตลาด

พฤหัส ๑๙ กันยายน ๒๕๖๗ ๑๕:๕๗
บลจ.กรุงศรี แนะกลยุทธ์สำคัญในการสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดได้ยาวอยู่ที่การกระจายลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และปรับพอร์ตที่ยืดหยุ่นรวดเร็ว เป็นที่มาของกองทุน KFGDB และ KFGDA เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 19 -25 กันยายนนี้
บลจ.กรุงศรี เปิดตัว 2 กองทุนใหม่ เหนือกว่ากองทุนผสมทั่วไป ด้วยกลยุทธ์การปรับพอร์ตที่รวดเร็วรับทุกสภาวะตลาด

"นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า "บลจ.กรุงศรี เปิดเสนอขายกองทุนกรุงศรีโกลบอลไดนามิคบาลานซ์อโลเคชั่นเอสอาร์ไอ (KFGDB) และกองทุนกรุงศรีโกลบอลไดนามิคแอกเกรสซีฟอโลเคชั่นเอสอาร์ไอ (KFGDA) มีนโยบายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก หลายหลากภูมิภาค หลากหลายประเภท เช่น หุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก จุดเด่นอยู่ที่กลยุทธ์คัดสินทรัพย์ และการปรับพอร์ตยืดหยุ่นรวดเร็ว ภายใต้กรอบระดับความผันผวนที่กำหนดไว้"

"กองทุนหลักบริหารโดย Allianz Global Investors ใช้แนวทาง "SRI Best-in-class" ในกระบวนการลงทุน โดยพิจารณาปัจจัยด้านความยั่งยืนควบคู่ไปกับปัจจัยพื้นฐานและเทรนด์ของตลาดในขั้นตอนของการคัดเลือกหลักทรัพย์เข้าพอร์ต มีทีมผู้จัดการกองทุนและนักเศรษฐศาสตร์กว่า 80 ราย ร่วมกันวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของตลาดและสินทรัพย์ต่างๆ ในเชิงลึก ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์การลงทุน รวมทั้งใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณควบคู่ไปด้วยเพื่อช่วยวิเคราะห์สภาวะตลาดและแนวโน้มของสินทรัพย์ ช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตตามทิศทางของตลาด และลดความเสี่ยงเมื่อตลาดมีแนวโน้มปรับตัวลงมากกว่าที่ควรจะเป็น รวมทั้งมีการบริหารติดตามควบคุมความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้อยู่ภายใต้กรอบที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ค่าเงินของกองทุนหลักเป็นค่าเงินยูโร จากสถิติที่ผ่านมาค่าเงินยูโรจะมีความผันผวนของค่าเงินน้อยกว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย"

"สำหรับพอร์ตการลงทุนจะมีการแบ่งสัดส่วนเป็น Core portfolio และ Satellite portfolio เพื่อความยืดหยุ่นและตอบโจทย์ในทุกโอกาสการลงทุน ทำให้กองทุนเหมาะกับวัตถุประสงค์การลงทุนระยะยาวและแสวงหาโอกาสในการลงทุนระยะสั้น ในส่วนของ Core portfolio จะเน้นลงทุนในหุ้น และ ตราสารหนี้ของประเทศพัฒนาแล้วในสัดส่วน 60-80% กองทุน KFGDB เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง โดยมีเป้าหมายค่าความผันผวนอยู่ในช่วง 6% ถึง 12% และกองทุน KFGDA เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง โดยมีเป้าหมายค่าความผันผวนอยู่ในช่วง 10% ถึง 16% ทั้งนี้ กองทุนหลัก Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI 50 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 6.72%ต่อปี และกองทุนหลัก Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI 75 ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 10.94%ต่อปี" (ที่มา : Allianz Global Investors ณ 30 มิ.ย. 67 I ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต I ผลการดำเนินงานที่แสดงเป็นผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน)

"บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่ากองทุน KFGDB และ KFGDA เป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะปานกลางถึงยาว และการปรับพอร์ตยืดหยุ่นรวดเร็ว จะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีของพอร์ตการลงทุนในทุกภาวะตลาด" นางสุภาพร กล่าว

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.กรุงศรี โทร. 02-657-5757 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา หรือ www.krungsriasset.com

ที่มา: บลจ.กรุงศรี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๐๐ วิทยาลัยดุสิตธานี เซ็น MoU กับ บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด
๐๙:๑๑ บางจากฯ สะท้อนความเป็นเลิศด้วย 2 รางวัลพระราชทาน และ 5 รางวัลดีเด่น จาก TMA Excellence Awards 2024
๐๙:๑๙ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และกระทรวงการต่างประเทศ
๐๘:๓๐ เบตเตอร์ กรุ๊ป โชว์ศักยภาพความเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการแบบ One Stop Service ในงาน Thailand Industrial Conference
๐๘:๕๗ กทม. เตรียมพร้อมมาตรการเฝ้าระวัง-ป้องกันการแพร่ระบาดโรคฝีดาษลิงในกรุงเทพฯ
๐๘:๕๑ สจส. คืนช่องจราจรแยกพร้อมจิต พร้อมปรับช่องทางคนเดินกว้าง 1.20 เมตร
๐๘:๒๑ กทม. จัดสรรงบฯ จัดซื้อนมโรงเรียนในสังกัด พร้อมกำกับดูแลการส่งมอบ-รับมอบให้มีคุณภาพ
๐๘:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๐๘:๔๙ Taiwan Excellence นำเสนอมิติใหม่แห่งวงการอุตสาหกรรมโลหการ ชูวิสัยทัศน์เด่น Innovate for Green Metalwork ที่ Metalex
๐๘:๒๑ ซินเน็คฯ เปิด Nintendo Authorized Store by SYNNEX แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้