'โอสถสภา' เดินหน้าภารกิจยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า มั่นใจบรรลุเป้าหมาย ESG

พุธ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๗ ๑๑:๐๘
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้นำธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคของไทย เดินหน้าสร้างความยั่งยืนควบคู่กับการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต โชว์ความคืบหน้าภารกิจด้านความยั่งยืนตามหลัก ESG ที่นำเข้ามาใช้ในทุกภาคส่วนขององค์กรตลอดห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ปี 2562 โดยการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล อยู่ในเกณฑ์ที่ดีและเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ มั่นใจบรรลุเป้าหมายครบ 5 ด้านในปี 2568 พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้วิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) ควบคู่การมุ่งเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี 2593สร้างสรรค์นวัตกรรม เพิ่มคุณภาพชีวิต ลดผลกระทบโลก
'โอสถสภา' เดินหน้าภารกิจยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า มั่นใจบรรลุเป้าหมาย ESG

ด้านสิ่งแวดล้อม (E-Environment) โอสถสภาลดผลกระทบที่เกิดจากของเสียบรรจุภัณฑ์และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านโครงการ "บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน" เพื่อมุ่งลดผลกระทบด้านลบของวัตถุดิบทุกประเภทให้เหลือน้อยที่สุด บริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ทั้งก่อนและหลังการใช้ ด้วยการคิดค้นนวัตกรรมลดน้ำหนักบรรจุภัณฑ์เพื่อลดการใช้วัตถุดิบและพลังงาน อาทิ ขวดแก้วน้ำหนักเบา และเก็บขวดแก้วกลับคืนสู่กระบวนการรีไซเคิล ภายใต้โครงการจากขวดแก้วสู่ขวดแก้ว (Bottle to Bottle) โดยมีเป้าหมายไม่น้อยกว่า 230,000 ตันต่อปี ปัจจุบัน โอสถสภาสามารถดำเนินโครงการลดผลกระทบที่เกิดจากของเสียบรรจุภัณฑ์และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนได้ตามเป้าหมาย 100% ทั้งหมดนี้ เพื่อผลักดันไปสู่เป้าหมายด้านบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนของโอสถสภา ที่กำหนดไว้ว่า ภายในปี 2573 บรรจุภัณฑ์ของโอสถสภาทั้ง 100% ต้องสามารถนำไปรีไซเคิล (Recyclable) ใช้ซ้ำ (Reuseable) หรือ ย่อยสลาย (Decomposable) ได้

นอกจากนี้ โอสถสภายังลดการใช้พลังงานลง 24% ได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ผ่านโครงการต่างๆ เช่น นำความร้อนกลับมาใช้ผลิตไอน้ำสำหรับใช้ในโรงงานผลิตเครื่องดื่ม และสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ในกระบวนการผลิตลดลง 28% เกินกว้าเป้าหมายที่กำหนดไว้ จากการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ การใช้พลังงานทางเลือก รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต เช่น พลังงานชีวมวล ฯ เพื่อสานเป้าหมายระยะยาวการเป็นองค์กร "Carbon Neutral ปี 2593" และลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตลง 28% เข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้ 40% ในปี 2568

ด้านสังคม (S-Social)

หนึ่งในพันธกิจสำคัญของการดำเนินงานด้านสังคม คือ เสริมสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค และสามารถบรรลุเป้าหมายเร็วกว่าและดีกว่าแผนที่วาง โดยปัจจุบัน 99% ของพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มในประเทศของโอสถสภา มีส่วนประกอบของน้ำตาลน้อยกว่า 6% ซึ่งคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมาย 100% ได้ในปี 2568 ส่วนกลุ่มสินค้าสุขภาพและลูกอมที่ปรับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เติมน้ำตาล บริษัทตั้งเป้าหมายจะทำให้ได้ 50% ของพอร์ต ภายในปี 2568 แต่ปัจจุบันสามารถทำเกินเป้าหมายไปถึง 65% ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โบตัน และแบนเนอร์โปรตีน

นอกจาก "ลดน้ำตาล" บริษัทยังเติม "คุณประโยชน์" เพื่อตอบรับเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เช่น 'ซี-วิท' ได้เพิ่มปริมาณวิตามินซีเป็น 1,000 มิลลิกรัม จาก 120 มิลลิกรัม และครื่องดื่มผสมนมเปรี้ยว 'คาลพิส' ที่นอกจากมีจุดเด่นด้วยจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัสสูตรเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น ยังเพิ่มคุณประโยชน์ด้วยการเติมส่วนผสมไฟเบอร์ 5,000 มิลลิกรัม และ 'เอ็ม-150 สปาร์คกลิ้ง' หรือ มิโซซ่า ที่มีวิตามินบี 3, 6 และ 12 ในปริมาณที่เหมาะสม และใช้คาเฟอีนจากธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังเตรียมพร้อมพัฒนาสินค้าสูตรใหม่เพื่อรับความเปลี่ยนแปลง โดยยังคงตอบโจทย์สุขภาพคู่ความอร่อยให้กับผู้บริโภค

ด้านธรรมาภิบาล (G-Government)

โอสถสภามุ่งเสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจเพื่อเติบโตร่วมกับคู่ค้าตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งเกษตร คู่ค้า ซัพพลายเออร์ต่างๆ ที่ไม่เพียงเลือกใช้วัตถุดิบทางการเกษตรที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Sourcing แต่ยังรวมถึงการช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตให้คู่ค้าท้องถิ่นที่เป็นเกษตรกร ด้วยการส่งเสริม สนับสนุนคู่ค้ารายย่อยที่จัดหาวัตถุดิบเศษแก้วเพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์และวัตถุดิบสมุนไพรขิง ไร่อ้อย ซึ่งปัจจุบันได้มีการส่งเสริม สนับสนุนแล้ว 458 ราย เกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่จำนวน 450 ราย การช่วยพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรที่จัดหาวัตถุดิบสมุนไพรในท้องถิ่นไปแล้ว 291 ราย จากเป้าหมาย 500 ราย รวมถึงการประเมินด้าน ESG กับ "คู่ค้า" ทั้ง 100% ต่อเนื่องทุกปี เพื่อให้ก้าวทันบริบทการประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืนในปัจจุบัน

จากจุดเริ่มต้นของการกำหนดกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืน เมื่อปี 2562 จนถึงวันนี้ โอสถสภามีความพร้อมและความมั่นใจในทุกก้าวสู่อนาคต เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวสู่การเป็นกลางทางคาร์บอนหรือ Carbon Neutral ในปี 2593 โดยใช้กลยุทธ์ "เปลี่ยน ลด ชดเชย" ได้แก่ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน การลดการใช้และการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้มากขึ้น และการชดเชยการปล่อยคาร์บอนด้วยคาร์บอนเครดิตหรือโครงการชดเชยอื่นๆ

โอสถสภายึดมั่นในการดำเนินธุรกิจบนหลักธรรมาภิบาล มุ่งมั่นสร้างการเติบโตด้านผลกำไรในระยะยาว พร้อมส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค ใส่ใจและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเป็น "พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต"อยู่ร่วมและเติบโตไปพร้อมกับสังคม

ที่มา: โอสถสภา

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ