Wonderfruit สามารถดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกให้ขยายเวลาการอาศัยอยู่ในประเทศไทย ทั้งยังดึงดูดผู้คนที่หลากหลายและมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำมาสู่การก่อร่างสร้างชุมชนที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายรุ่น หลากหลายเชื้อชาติ และล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับศิลปะวัฒนธรรม และธรรมชาติอย่างแท้จริง ดังนั้น Wonderfruit 2024 จะจัดขึ้นต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 5 วัน เพื่อเปิดประสบการณ์ 99 ชั่วโมง แห่งศิลปะ ดนตรี สุขภาพกายใจที่ดี สถาปัตยกรรม และอาหาร โดยองค์ประกอบทุกอย่างจะถูกร้อยเรียง และเชื่อมโยง จิตใจ ธรรมชาติ และผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน ผู้เข้าร่วมงานในปีนี้จะได้สัมผัสกับโซนการจัดงานมากกว่า 40 โซน,การแสดงดนตรีมากกว่า 300 รายการ เมนูอาหารมากกว่า 130 เมนู เวิร์กช็อปและกิจกรรมด้านสุขภาพมากกว่า 90 รายการ และอื่นๆ อีกมากมายภายใน The Fields
ไฮไลต์ในปี 2024: ประสบการณ์สุดพิเศษที่ Wonderfruit ในปีนี้
ทุกวันนี้ Wonderfruit ถูกรู้จักและขนานนามว่าเป็นงานเฉลิมฉลองที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย โดย Wonderfruit สนับสนุนให้ผู้คนที่แตกต่างหลากหลายได้มาร่วมออกเดินทางเพื่อค้นหา สำรวจตัวตน พร้อมเชื่อมโยงกันและกันด้วยวัฒนธรรม ทางเสียง จิตใจ ธรรมชาติ และการเป็นอยู่ที่ดี โดยถ่ายทอดด้วยแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์แบบไทย โดยไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดในปีนี้ ได้แก่:
Molam World: การเฉลิมฉลองวัฒนธรรมอีสานอย่างมีชีวิตชีวาผ่านดนตรี อาหาร และศิลปะ ในปีนี้หมู่บ้านหมอลำได้ถูกขยายเป็น Molam World โดยพร้อมให้ผู้ร่วมงานได้ออกสำรวจ Theatre of Eats ที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรสจากร้านอาหารท้องถิ่นในบรรยากาศของตลาดกลางคืน, ฟาร์มหอคอยในรูปแบบใหม่, รถบัสหมอลำ และแกลเลอรีจากจิม ทอมป์สัน ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสกับประเพณีอันล้ำค่าของภาคอีสาน ผ่านการแสดงหมอลำและการแสดงระดับโลกที่คัดสรรโดย Maft Sai จาก ZudRangMa Records และเข้าร่วมกิจกรรมศิลปะหัตถกรรมมรดก อาทิ เวิร์กช็อปการทำเครื่องดนตรีพิณ กับครอบครัว Kammao และ Phinprainn
Wonderness: พื้นที่แห่งสุขภาพกายใจและสุขภาวะที่ดีใน The Fields ที่ได้ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นในปีนี้ โดยอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมกว่า 100 กิจกรรมที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณได้ฝึกฝนและพัฒนาด้านร่างกาย แต่ยังช่วยให้คุณได้ฝึกฝน และฟื้นบำรุงจิตใจ ผู้เข้าร่วมงานสามารถทดลองและเพลิดเพลินไปกับโซนต่างๆ อาทิ Bath House, Unconditional Space, Ancestral Forest และเคบิน Slow Wonder ไม่ว่าคุณจะต้องการกิจกรรมสำหรับครอบครัว หรือกิจกรรมเพื่อสุขภาพกายและใจ ทุกองค์ประกอบในโซนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้มีช่วงเวลาที่สามารถออกสำรวจร่างกายและจิตใจของคุณอีกครั้ง
Sonic Minds: เรียนรู้และสัมผัสถึงความสำคัญของเสียงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพผ่านโปรแกรม Sonic Minds ที่ Wonderfruit ร่วมมือกับ MSCTY_Studio โดย Sonic Minds เป็นการพัฒนาต่อยอดจากโครงการก่อนหน้า เพื่อสร้างสรรค์พื้นที่ให้กับเหล่า Wonderers ได้ออกสำรวจและเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องเสียงแห่งอนาคต พื้นที่ สุขภาพกายใจ และสุขภาวะความเป็นอยู่ที่ดี โครงการทดลองนี้ได้เริ่มขึ้นในค่ายพิเศษที่จัดขึ้นในเดือนกันยายนที่ผ่านมา และจะดำเนินต่อไปตลอดทั้งเทศกาลและหลังจากนั้น Sonic Minds จะมีการจัดแสดงกิจกรรมที่ Enfold, Polygon Live และ Ancestral Forest ในงาน Wonderfruit 2024 โดยมีการเก็บเสียงจากค่ายมาเป็นแกนหลักของโครงการ
Rewilding Project: การฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ของ Wonderfruit เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในปีนี้ โดยทีมงานได้ปลูกต้นไม้พื้นเมืองมากกว่า 30,000 ต้น โดยใช้เทคนิคการปลูกและการฟื้นฟูป่าที่หลากหลายมาตั้งแต่ปี 2565 ในปีนี้ผู้เข้าร่วมงานสามารถร่วมปลูกต้นไม้ได้อีก 1,000 ต้น เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศใน The Fields ให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ The Farm ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแผนงานในอนาคตของ Wonderfruit ก็จะมีการขยายตัว โดยให้ความสำคัญกับพืชที่มีคุณค่าในเชิงการใช้งานและสรรพคุณทางยา ซึ่งสามารถนำมาใช้ทั้งในเวิร์กช็อปและเพิ่มคุณค่าให้ประสบการณ์การรับประทานอาหาร
Dining Experiences in The Fields: ชุมชน ผู้คน และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เป็นเป้าหมายและเป็นแกนหลักของการจัดงาน Wonderfruit ตลอดมา โดยในปีนี้อาหารจะทำหน้าที่สะท้อนจิตวิญญาณของ Wonderfruit โดยเชฟ Dylan Eitharong จาก Haawm, เชฟปริญญ์ ผลสุข จากสำรับสำหรับไทย และ Lady GooGoo จะสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารในธีมที่กล้าหาญและไม่เหมือนใคร ใช้อาหารเป็นยา และใช้แนวทางวิถีปฏิบัติอย่างยั่งยืน ทั้งยังมีครัวแบบเปิดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากครัวของแม่ที่จะถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ซึ่งแขกสามารถเพลิดเพลินกับสูตรอาหารแบบครอบครัวที่สืบทอดกันมาใน Open Kitchen ที่มองเห็นวิว The Fields ได้
A Diverse Exploration of Sound: Wonderfruit 2024
พร้อมนำเสนอความร่วมมือในการรังสรรค์เสียงดนตรีในรูปแบบใหม่ๆ ที่ Forest Stage โดย Bottlesmoker x Modern Biology จะสร้างสรรค์ดนตรีผ่านการเชื่อมต่อเข้ากับธรรมชาติและเห็ด นอกจากนั้น Polygon Live จะได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีเสียงรอบทิศทาง 360? โดยความร่วมมือพิเศษระหว่าง Photay และ Tuvan Huun-Huur-Tu ขณะที่ Creature Stage มีการแสดง Autobiography (v104) ของ Wayne McGregor ที่ร่วมกับ Jlin นิยามการออกแบบท่าเต้นใหม่โดยรวมการถอดรหัส DNA บันทึกความทรงจำส่วนตัว และปัญญาประดิษฐ์เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ สถานที่ใหม่ของ Forbidden Fruit ถูกย้ายให้ตั้งไปอยู่บนเนินลาดที่มีสระบัว เพื่อผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมชวนเหล่า Wonderers ร่วมเดินทางทางจิตวิญญาณ นั่งชมแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ตกดิน และเต้นไปด้วยกันใต้แสงดาว
ความพยายามในการพัฒนาและสนับสนุนด้านความยั่งยืนของ Wonderfruit ในปีนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเต็มที่ โดยมีความตั้งใจที่จะไปไกลกว่า มาตรฐานทั่วไปเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกทางนิเวศที่ยั่งยืนในระยะยาว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา The Fields ได้แปรสภาพเป็นหมู่บ้านแบบถาวรพร้อมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงโครงสร้างถาวรที่ผสานเข้ากับธรรมชาติ ทีมงานจัดการของเสีย และระบบกรองน้ำขั้นสูงที่สนับสนุนการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนตลอดทั้งงาน
เทศกาล Wonderfruit ได้รับการรับรองว่าเป็นงานมหกรรมที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon-neutral) ตั้งแต่ปี 2560 และไม่อนุญาตให้ใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง รวมทั้งสนับสนุนการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่อย่างแพร่หลาย
โอกาสสุดท้ายในการจองบัตร Wonderfruit: 1-4 ตุลาคม 2567
ประสบการณ์ที่ Wonderfruit ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้ผู้คนได้เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่หลากหลายร่วมกัน ดังนั้นจึงมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานเพื่อให้ทุกคนได้มั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์สุดพิเศษ อย่าพลาดโอกาสสุดท้ายในการจองบัตรในช่วง The Finale Sale เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2024 เวลา 18.00 น. (GMT+7) การขายจะดำเนินไปเป็นเวลา 72 ชั่วโมงหรือจนกว่าบัตรจะขายหมด คุณสามารถเลือกจากบัตร 5-Day Full Pass (เริ่มต้นที่ 10,900 บาท) บัตร Weekend Pass (เริ่มต้นที่ 8,900 บาท) หรือบัตร Teen Pass (เริ่มต้นที่ 4,500 บาท) ห้ามพลาดและอย่าตัดสินใจนาน เพราะราคาบัตรจะเพิ่มขึ้นทุก 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีบัตร At-Door ที่มีจำนวนจำกัดมากในราคา 20,000 บาท สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.wonderfruit.co
ที่มา: สวยสวย คอมมูนิเคชั่นส์ ทีม