เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มอบหมายให้นางจิรวรรณ สุตสุนทร รองอธิบดี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านการพัฒนาฝีมือแรงงานกับมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต โดยมีนายวัลลภ สุวรรณดี อธิการบดี เป็นผู้ลงนาม ณ ห้องประชุมผู้บริหารระดับสูง ชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต วิทยาเขตพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ประเดิมต้นปีงบประมาณ 68 ตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ เพิ่ม 2 สาขารองรับอัตราค่าจ้างตามฝีมือ โดยนางจิรวรรณ กล่าวหลังจากลงนามความร่วมมือว่า รัฐบาลและกระทรวงแรงงานมีนโยบายส่งเสริมความร่วมมือในการผลิตกำลังคนในภาคการศึกษา และภาคแรงงาน Up-Skill for More Earn เพื่อการมีงานทำรองรับเศรษฐกิจใหม่ โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพแรงงานเพื่อให้แรงงานทั้งระบบมีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้และสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ ดังนั้น การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นกลไกสำคัญในการดำเนินภารกิจของกระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต จะร่วมกันพัฒนาศักยภาพนักศึกษาให้มีทักษะฝีมือสูงขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน มีความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีในอนาคต
นางจิรวรรณ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติไปแล้ว 2 สาขา ได้แก่ สาขาพนักงานแผนกบริการอาหารและเครื่องดื่มในธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร ระดับ 1 สำหรับในปี 2568 จะเพิ่มศูนย์ทดสอบเพิ่มอีก 2 สาขาคือ ช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ 1 และช่างซ่อมเครื่องปรับอากาศ ระดับ 1 เพื่อใช้วัดระดับทักษะให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยในชั้นปีสุดท้ายก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน อีกทั้ง จะปรับปรุงหรือพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติต่อไป นอกจากนี้มหาวิทยาลัย ยังให้ความสนใจเกี่ยวกับการส่งเสริมให้กำลังแรงงานที่เข้าร่วมโครงการการเรียนรู้ตลอดชีวิตในระบบธนาคารหน่วยกิตของมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต สามารถนำผลการพัฒนาฝีมือแรงงานที่สะสมหน่วยกิตในโครงการมาใช้เทียบโอน เพื่อเข้าศึกษาต่อเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตอีกด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ จะมีการหารือเพื่อคัดเลือกสาขาวิชาและกำหนดรายละเอียดที่สามารถเทียบโอนเพื่อใช้ในการสะสมหน่วยกิตอีกครั้งเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการต่อไป
"กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มุ่งส่งเสริมให้แรงงานไทยได้พัฒนาตนเองตลอดเวลาเพื่อเพิ่มทักษะฝีมือให้สูงขึ้นและก้าวทันเทคโนโลยี สอดรับกับนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ได้ให้แนวทางการดำเนินงานในปี 68 คือ "หลักประกันสังคมเด่น เน้นทักษะทันสมัย คนไทยมีงานทำ สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย เศรษฐกิจแรงงานไทยมั่นคง" นางจิรวรรณ กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: กองสื่อสารองค์กร กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน