ดร.พยุง ศักดาสาวิตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (INDUS) ในวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "TATG" นับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้ออกแบบและผลิตเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ (Tooling) ครอบคลุมถึงการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์โลหะ (Dies) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ (Checking Fixtures) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ (Assembly Jigs) และผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ (Press Parts) สำหรับจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก
โดยโครงสร้างการบริหารงานของกลุ่มบริษัท ประกอบด้วย บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) เป็นสำนักงานใหญ่ และอีก 3 บริษัทย่อย ได้แก่ 1. บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (ปทุมธานี) จำกัด หรือ TATP, 2. บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (ชลบุรี) จำกัด หรือ TATC และ 3. บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (อีสเทิร์น) จำกัด หรือ TATE ซึ่งล้วนตั้งอยู่ในแนวยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ มีการบริหารงานแบบ Business Unit ทำให้คล่องตัวในการบริหารทรัพยากรบุคคล การผลิต และการดูแลลูกค้า สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทุกมิติ ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุน และส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและตรงต่อเวลา
วันนี้ TATG พร้อมแล้ว ที่จะนำพาองค์กรที่แข็งแกร่งกว่า 30 ปี เข้ามาระดมทุน เพื่อวางรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมให้ทุกท่านได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จไปพร้อมกับเรา ในฐานะบริษัทผู้ผลิตแม่พิมพ์และชิ้นส่วนยานยนต์ของคนไทย ที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคเอเชีย โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปใช้ลงทุนเครื่องจักรในกลุ่มบริษัท เพื่อผลิตสินค้าให้มี Productivity สูงขึ้น ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ และใช้เพื่อจ่ายคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน สร้างความพร้อมในการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้า รองรับโอกาสการเติบโตไปพร้อมกับเมกกะเทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังขยายตัวในอนาคต
สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมทำข้อตกลงในสัญญาไม่จำหน่ายจ่ายหุ้นเดิมเป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) หรือ "TATG" เปิดเผยว่า TATG เป็นหุ้นน้องใหม่ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ และโครงสร้างธุรกิจมีความแข็งแกร่ง มีระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานสากลครอบคลุมทั้งการผลิตเครื่องมือและชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ตลอดจนทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บริษัทฯ เติบโต และสามารถให้บริการลูกค้าครอบคลุมแบบ One Stop Service โดย TATG ถือเป็นผู้ผลิตต้นน้ำ (Upstream) ที่สามารถดำเนินธุรกิจตั้งแต่การออกแบบแม่พิมพ์โลหะและเครื่องมือได้เอง ด้วยต้นทุนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ จึงสร้างความได้เปรียบและความสามารถแข่งขัน รวมทั้งต่อยอดไปยังการผลิตอุปกรณ์จับยึด อุปกรณ์ตรวจสอบ และเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้แก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ได้รับความเชื่อมั่น สามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ TATG มีพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมและฐานลูกค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถกระบะ ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจได้ดี สะท้อนจากในปีนี้ ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง แต่ตลาดส่งออกรถกระบะหลังจากสถานการณ์ปลดล็อกโควิดมีการเติบโตต่อเนื่อง จึงช่วยลดผลกระทบจากตลาดในประเทศที่ชะลอตัว และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลประกอบการของ TATG สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างน่าสนใจ อย่างไรก็ดีภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี ลูกค้าของกลุ่มบริษัทฯ ทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ ยังได้วางแผนและเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และแม่พิมพ์โลหะ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน จึงมองว่า TATG มีความพร้อมรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต และสามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาวได้
ด้าน นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหารและผู้บริหารสูงสุดสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า TATG เสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น ในช่วงระหว่างวันที่ 30 กันยายน - 2 ตุลาคมที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อบริษัทฯ และการกำหนดราคา IPO ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.25 บาท เป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ภายหลังการเสนอขายหุ้น (Fully Diluted) เท่ากับ 5.2 เท่า
โดยบทวิเคราะห์จาก 2 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ที่จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ให้มูลค่าเป้าหมายของ TATG ปี 2568 ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 1.77 - 1.98 บาท/หุ้น ประเมินธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง จากการขยายเครื่องจักร เพิ่มกำลังการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย รองรับความต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี และกำลังจะกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ และสร้างรายได้ที่ดีของ TATG ในอนาคต
ที่มา: IR PLUS