นายอาลี ซีอานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมส ดิจิทัล จำกัด ผู้ถือครองลิขสิทธิ์นิตยสาร ELLE และ ELLE MEN Thailand กล่าวว่า การกลับมาครั้งนี้ของ ELLE Fashion Week 2024 ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นเวทีให้ดีไซเนอร์หน้าใหม่ได้แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงดีไซเนอร์ชื่อดังได้มาร่วมจัดโชว์ด้วย อีกหนึ่งความพิเศษของการกลับมาครั้งนี้ คือ โลเคชันใหม่กับ 'ICONSIAM' ในฐานะ 'Global Destination' แลนด์มาร์กสำคัญของไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก จะช่วยให้อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ซึ่งปีนี้ยังเป็นครั้งแรกของ 'ELLE Fashion Week' ที่ได้ 'TONY WARD Couture' แบรนด์กูตูร์ระดับโลกมาร่วมเปิดโชว์กับคอลเลกชันพิเศษครั้งแรกในเมืองไทยด้วย เป็นตอกย้ำความแข็งแกร่งของ ELLE และ ELLE MEN Thailand นิตยสารชั้นนำระดับโลกจากประเทศฝรั่งเศส ที่ร่วมผลักดันศักยภาพอุตสาหกรรมแฟชั่นประเทศไทยก้าวสู่ระดับสากล
ELLE Fashion Week 2024 ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 26 ของการจัดงานแล้ว ที่ผ่านมา ELLE Fashion Week เป็นเวทีแจ้งเกิดของไทยดีไซเนอร์ดังๆ มาแล้วหลากหลายแบรนด์ นี่จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของดีไซเนอร์สัญชาติไทย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ไทยจากออนไลน์แพลตฟอร์มได้เข้ามาร่วมแสดงฝีมือด้วย รวมถึงจัด Pop - Up Exhibition ให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้ชมและอุดหนุนผลงานของไทยดีไซเนอร์ที่ชั้น M บริเวณ เจริญนคร ฮอลล์ เพื่อยกระดับประสบการณ์แฟชั่นครบทุกมิติ
ด้าน นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด ระบุว่า "การจัดงาน Elle Fashion Week ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยามครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจแฟชั่น ผลักดันแบรนด์ไทยให้เติบโตในระดับสากลแล้ว ยังเป็นการยกระดับประสบการณ์แฟชั่นที่เหนือกว่าผ่านการจัดงานแฟชั่นโชว์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งแรกของไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ธุรกิจริมแม่น้ำและกรุงเทพมหานคร การร่วมจัดงาน Elle Fashion Week ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำของไอคอนสยามในการเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการผลักดันวงการแฟชั่นไทยดังไกลระดับโลก เสริมศักยภาพแฟชั่นไทยสู่เวทีโลก ผลักดันผลิตภัณฑ์งานคราฟต์ไทยผ่าน 'ICONCRAFT' (ไอคอนคราฟต์) ที่มีพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตรในการรวบรวมสุดยอดงานคราฟต์จากช่างฝีมือทุกประเภท จากทั้งหมด 77 จังหวัด เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผลงานของดีไซเนอร์ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล
ทั้งนี้ นายสุพจน์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภาพรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยี่ยมชมไอคอนสยาม สูงสุด 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ อินเดีย และอินโดนีเซีย โดยปัจจุบัน 'จีน' ยังคงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการสูงสุด รองลงมา คือกลุ่มประเทศแถบเอเชียอย่างมาเลเซีย ฮ่องกง และญี่ปุ่น ที่จะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการ ฟากฝั่งตะวันตกโดยเฉพาะยุโรปก็เริ่มกลับมาให้เห็นกันบ้างแล้ว ทว่าในบรรดานักท่องเที่ยวทั้งฝั่งเอเชียและตะวันตกต่างให้ความสนใจการเลือกซื้อสินค้าไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 'สินค้าผ้าไทย' ที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของเนื้อผ้า ลวดลาย และดีไซน์ที่ทันสมัย นอกจากนั้นก็ยังมีสินค้างานคราฟต์ และอาหารไทยที่กลุ่มนักท่องเที่ยวเลือกซื้อฝากกลับไปเป็นของที่ระลึก อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาที่ไอคอนสยาม พร้อมเข้าร่วมงาน ELLE Fashion Week ครั้งนี้ ประมาณ 130,000 - 150,000 คนต่อวัน
อีกหนึ่งความน่าสนใจของ ELLE Fashion Week 2024 คือ โชว์ชุดพิเศษ "Timeless Crafting with Batik" จาก ICONCRAFT ผู้สนับสนุนดีไซเนอร์ไทยสู่เวทีระดับโลก นำเสนอความงดงามเหนือกาลเวลาของผ้าบาติกไทยครั้งแรกบนรันเวย์แห่งนี้ ผ่านผลงาน ผลงานการออกแบบของ 3 ไทยดีไซเนอร์ระดับแนวหน้า HOME Studio SHOP, WISHARAWISH และ KANAPOT สะท้อนถึงพลังสร้างสรรค์ของไทยดีไซเนอร์ ผ่านผืนผ้าบาติกที่เปี่ยมเสน่ห์เหนือกาลเวลา
ติดตาม ELLE Fashion Week 2024 ได้ที่ ELLE และ ELLE Men ตามร้านหนังสือชั้นนำใกล้บ้านหรือช่องทาง ออนไลน์ได้ที่ https://ellethailand.com/, https://ellementhailand.com/, IG @ellethailandofficial และ @ellementhailand และ Facebook : ELLE Thailand และ ELLE MEN Thailand
ที่มา: Solister PR