สกสว. ร่วมพลิกระบบบริการสุขภาพไทยด้วยงานวิจัยระดับมาสเตอร์พีซ สู้วิกฤตการเปลี่ยนแปลงโลก และระบบสาธารณสุข ชี้ปี 63 - 67 หนุนงบประมาณ งานวิจัยด้านแพทย์และสุขภาพรวมแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท

อังคาร ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๗ ๑๗:๑๐
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และหน่วยงานวิจัยในระบบสุขภาพ จำนวน 24 หน่วยงาน ร่วมเดินหน้าจัดระบบสนับสนุนและบูรณาการการวิจัยด้านระบบสุขภาพและการแพทย์ โดยมุ่งให้เกิดการขับเคลื่อนงานวิจัยให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างผลลัพธ์และผลกระทบทางสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจัดขึ้นภายในงานการประชุมวิชาการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ปี 2567 "ร่วมพลิกระบบสุขภาพไทย ด้วยงานวิจัยคุณภาพ" โดยมี พล.ร.ท.นพ.นิกร เพชรวีรกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิด
สกสว. ร่วมพลิกระบบบริการสุขภาพไทยด้วยงานวิจัยระดับมาสเตอร์พีซ สู้วิกฤตการเปลี่ยนแปลงโลก และระบบสาธารณสุข ชี้ปี 63 - 67 หนุนงบประมาณ งานวิจัยด้านแพทย์และสุขภาพรวมแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท

พล.ร.ท.นพ.นิกร เพชรวีรกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "การสร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพด้วยงานวิจัย" ระบุว่า งานวิจัยถือเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาในทุกด้าน โดยยุทธศาสตร์การพัฒนาที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี หรือมีสุขภาพที่ดี ต้องอาศัยงานวิจัยเป็นเข็มทิศนำทาง ทั้งนี้เป้าหมายงานวิจัยที่จะยกระดับความมั่นคงและความเข้มแข็งของระบบสุขภาพ ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี จำเป็นต้องดำเนินการอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นมิติของระบบบริการปฐมภูมิ ที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ มิติบุคลากรเพื่อแก้ปัญหาการกระจุก-กระจายตัว มิตินวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะเข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายต่าง ๆ รวมถึงงานวิจัยด้านระบบการเงินการคลัง ด้านยา และการอภิบาลระบบ ตามกรอบแนวคิดระบบสุขภาพ นอกจากนั้น งานวิจัยที่จะช่วยให้เกิดการรองรับวิกฤตที่โลกกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติ และโรคระบาดใหม่ ๆ ซึ่งงานวิจัยต้องมีการเตรียมความพร้อมและปรับตัวต่อภาวะวิกฤติในอนาคต เช่น งานวิจัยวัคซีน ยาที่จำเป็น เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ ดังนั้น งานวิจัยที่จะก้าวไปข้างหน้าได้ ควรมี Think Tank หรือ Research Tank ที่มีประสิทธิภาพ

ขณะที่ ศ.เกียรติคุณ ดร. นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ร่วมเสวนาประเด็น หลอมรวมปัญญาสู่ทิศทางเชิงยุทธศาสตร์ของระบบสุขภาพด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุถึงการกำหนดนโยบาย การบริหารจัดการทุนวิจัยและการจัดสรรงบประมาณวิจัยเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพให้กับหน่วยบริหารและจัดการทุน (PMU) พร้อมด้วยความคาดหวังต่อการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบสุขภาพไทย ที่บทบาทในการดูแลสุขภาพของประเทศไทย จำเป็นต้องมีการประสานกันระหว่างเทคโนโลยีและการให้บริการ โดยจำเป็นต้องดูบริบทในการเปลี่ยนแปลงภาวะของเมืองมากขึ้นโดยเฉพาะ สังคมสูงวัย คนเกิดน้อยลง การมีคนเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น พฤติกรรมคนที่เปลี่ยนไป และบทบาทของการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้ความท้าทายใน 3 มิติ คือ 1.มิติของการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมากขึ้น ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนไปเพื่อให้สามารถไปต่อข้างหน้าได้ 2.การทำให้ประชากรทั้งหมดของประเทศสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 3. การนำสิ่งต่าง ๆ ให้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ด้วยการให้คนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาและสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศมากขึ้น

โดยนับตั้งแต่ปี 2562 ที่ประเทศได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบวิจัย ทำให้งบประมาณการวิจัยของประเทศทั้งหมดจะถูกบริหารจัดการผ่านกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) โดยมี คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบาย จัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยบริหารและจัดการทุน 9 แห่ง (PMU) และหน่วยปฏิบัติการที่ประกอบด้วย สถาบันอุดมศึกษา หน่วยงานในระบบ ววน. ทั้งในสังกัดและนอกสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และพัฒนาระบบ ววน. ของประเทศ โดยมีผู้ได้รับประโยชน์เป็นประชาชน ภาคเอกชน และภาคนโยบาย/ภาครัฐ

ทางด้าน รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) ได้สนับสนุนงบประมาณการวิจัยด้านการแพทย์และสุขภาพ นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน จำนวนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยบริหารและจัดการทุน สถาบันการศึกษาภาครัฐ-เอกชน และหน่วยรับงบประมาณในกระทรวงต่าง ๆ เพื่อวิจัยยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนและผลักดันให้นำผลงานวิจัยนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ ในปัจจุบันมีนวัตกรรมเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ของ สปสช. อาทิ ชุดตรวจคัดกรองโรคพยาธิใบไม้ในตับแบบรวดเร็ว (OV Antigen Rapid Test Kit) ที่ทำการตรวจได้ง่าย ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที, ชุดรองรับสิ่งขับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียม "Colosme(R) ลดการขาดดุลของงบประมาณที่ต้องซื้อผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศมากกว่า 100 ล้านบาท เท้าเทียมไดนามิกเอสเพส (sPace Dynamic Prosthetic Foot) เพื่อช่วยให้ผู้พิการได้เข้าถึงเท้าเทียมคุณภาพสูงได้ในวงกว้าง เป็นต้น ทั้งนี้ สกสว. วางแผนร่วมกับ สปสช เพื่อนำนวัตกรรมไทยสู่ระบบสิทธิประโยชน์เพิ่มอีกอย่างน้อย 10 รายการภายใน 3 ปีจากนี้

สำหรับการประชุมวิชาการในครั้งนี้ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการ สวรส. กล่าวว่า นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการสร้างความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนข้อมูลการพัฒนากลไกสนับสนุนและนำไปสู่การใช้ประโยชน์ด้านระบบสุขภาพ พร้อมเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ เป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้สาธารณะทราบได้รับรู้ถึงผลงานวิจัยของ สวรส. และการมุ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยมีนโยบายสำคัญด้านระบบสาธารณสุขที่เกิดจากงานวิจัยที่มีคุณภาพ โดยมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย นักวิจัยบุคลากรสาธารณสุข ผู้ที่สนใจจากราชวิทยาลัย โรงเรียนแพทย์ ผู้กำหนดนโยบาย ผู้บริหารจากส่วนกลางและภูมิภาค นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมถึงประชาชน ลงทะเบียนเข้าร่วมงานกว่า 700 คน

ทั้งนี้ การพลิกโฉมระบบสุขภาพ จำเป็นต้องอาศัยงานวิจัยที่มีคุณค่าพอในการนำไปใช้กำหนดเชิงนโยบาย ซึ่งกระบวนการวิจัยสุขภาพเป็นยุทธศาสตร์และเครื่องมือสำคัญ ในการจัดการเปลี่ยนผ่านระบบสุขภาพให้สามารถปรับตัวรองรับความต้องการของสังคมและวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การจัดการงานวิจัยระบบสุขภาพจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่เอื้อให้การลงทุนในด้านการวิจัยสุขภาพ สร้างผลผลิตที่นำไปใช้ประโยชน์ในระบบสุขภาพได้อย่างที่หวังไว้และคุ้มค่าสูงสุด

ที่มา: เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ