นายนภินทร กล่าวเพิ่มเติมว่า "ในการลงพื้นที่จังหวัดพิจิตรครั้งนี้ ได้พูดคุยกับกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการส้มโอท่าข่อยเมืองพิจิตร พร้อมกล่าวชื่นชมสวนส้มโอลุงแล สวนส้มโอท่าข่อยที่มีศักยภาพในพื้นที่ ปลูกส้มโอมากว่า 20 ปี นอกจากจะได้รับรองเรื่องคุณภาพผ่านการอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ GI ไทยแล้ว และย้ำว่าโอกาสการเติบโตของตลาดส้มโอยังมีสูง เนื่องจากเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง โพแทสเซียม และสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ เป็นที่ต้องการของตลาดสุขภาพซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสสำหรับส้มโอท่าข่อยเมืองพิจิตร ของดีเมืองพิจิตรในการเติบโตทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของส้มโอท่าข่อยเมืองพิจิตรที่มีรสหวานอมเปรี้ยว เนื้อสีชมพูอ่อนๆ ฉ่ำน้ำ มีเมล็ดน้อย หรือไม่มีเมล็ด ด้วยลักษณะภูมิศาสตร์ที่เป็นพื้นที่ราบลุ่มมีแม่น้ำยม แม่น้ำน่านและแม่น้ำพิจิตรไหลผ่าน จึงทำให้ดินในพื้นที่ดังกล่าวอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกส้มโอ ปัจจุบันส้มโอท่าข่อยเมืองพิจิตรทำรายได้ให้กับเกษตรกรในจังหวัดกว่า 36,000 ล้านบาท และมีผลผลิตออก สู่ตลาดกว่า 42,000 ตัน/ปี"
นายนภินทร ทิ้งท้ายว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา เดินหน้าส่งเสริมการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับผู้ผลิตและผู้ประกอบการค้าส้มโอท่าข่อยเมืองพิจิตรต่อไป ทั้งนี้ สำหรับเกษตรกรหรือชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดใดสนใจนำสินค้าชุมชนที่มีอัตลักษณ์และ เชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ สามารถนำมาปรึกษาเพื่อขอรับการขึ้นทะเบียน GI ได้ที่ศูนย์บริการประชาชน กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 1368
ที่มา: กรมทรัพย์สินทางปัญญา