Delta Future Industry Summit 2024 เป็นเวทีสำคัญในการเรียนรู้โอกาสและความท้าทายที่เกิดขึ้นจากเทรนด์อุตสาหกรรมใหม่ที่กำลังเป็นกระแส เพื่อจุดประกายให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน ในปีนี้ การประชุมฯ ได้มีการรวบรวมบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี รวมไปถึงผู้นำนวัตกรรมและผู้กำหนดนโยบายมากมายไว้ที่นี่ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในอนาคตในภูมิภาค โดยเน้นย้ำบทบาทและศักยภาพของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ด้วยพลังของ AI เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้กล่าวปราศรัยพิเศษเพื่อนำเสนอเส้นทางสู่ยุค AI ของประเทศไทย ในหัวข้อ "การมุ่งหน้าสู่ยุค AI ของประเทศไทย" นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเดลต้า ประเทศไทย ได้กล่าวสุนทรพจน์ต้อนรับและบรรยายในหัวข้อ "การใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อปลดล็อกศักยภาพการเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" สำหรับปาฐกถาหลัก นางภารดี สินธวณรงค์ Head of Marketing, Thailand & Vietnam at Facebook Thailand ได้นำเสนอหัวข้อ "การเชื่อมต่อแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI" ต่อด้วยการสนทนาแบบ Fireside chat โดยนายทิม โรเซนฟิลด์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของบริษัท Firmus Technologies และ Sustainable Metal Cloud (SMC) และนายเดวิด เลียล รองประธานบริษัทเดลต้า ฝ่ายธุรกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ผู้สัมภาษณ์) ในหัวข้อ "ปลดล็อคการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ AI อย่างยั่งยืน"
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า "ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ไม่ใช่กระแสที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว หากแต่เป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และสังคมของเราอย่างรอบด้าน จากการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาด AI ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 826 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573 นั้น ประเทศไทยพร้อมคว้าโอกาสนี้ผ่านแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ซึ่งวางกรอบการดำเนินงานไว้อย่างเป็นรูปธรรม เป้าหมายของเราคือการสร้างบุคลากรด้าน AI ให้ได้มากกว่า 30,000 คนภายในปี 2570 พร้อมทั้งส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้มีมูลค่ารวมมากกว่า 48,000 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคก็กำลังเร่งลงทุนด้าน AI อย่างจริงจัง โดยมุ่งหวังที่จะเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผมมีความเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นในภูมิภาค เราจะสามารถยกระดับตำแหน่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นกำลังสำคัญระดับโลกในด้านนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างแน่นอน"
นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเดลต้า ประเทศไทย กล่าวว่า "ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมรับฟังการอภิปรายที่น่าสนใจในงาน Delta Future Industry Summit 2024 ซึ่งมุ่งวิเคราะห์บทบาทของ AI ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมชั้นนำต่าง ๆ เดลต้ารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ ผ่านโซลูชันนวัตกรรมหลากหลายรูปแบบของเรา ตัวอย่างเช่น ?โซลูชันระบายความร้อนขั้นสูง Air-Assisted Liquid Cooling (AALC) ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งให้ความสามารถในการระบายความร้อนมากกว่า 2.5 เท่าและใช้พลังงานน้อยกว่า 7% เมื่อเทียบกับการระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม วิสัยทัศน์ของเดลต้าไม่เพียงแค่มุ่งก้าวล้ำนำหน้ากระแสเท่านั้น แต่เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์อนาคตที่เทคโนโลยีสามารถยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ และขับเคลื่อนด้วยหลักความยั่งยืน เพื่อก้าวสู่โลกที่ชาญฉลาด ยั่งยืน และเชื่อมโยงถึงกัน"
สำหรับปาฐกถาหลัก นางภารดี สินธวณรงค์ Head of Marketing, Thailand & Vietnam at Facebook Thailand กล่าวว่า "ที่ Meta เราภูมิใจที่ได้เชื่อมโยงผู้คนกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลกด้วยวิธีการที่สร้างแรงบันดาลใจและล้ำสมัย โดยมีผู้ใช้งานรายวันมากกว่า 3,270 ล้านคน เพื่อส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจต่าง ๆ เราได้ลงทุนมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี AI ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเชื่อมต่อเหล่านี้ ขณะนี้ เทคโนโลยี Gen AI สำหรับธุรกิจของเราได้เปิดให้บริการแก่ธุรกิจในประเทศไทยผ่านฟีเจอร์ Advantage+ Creative ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งแคมเปญให้เป็นรูปแบบที่หลากหลาย เพิ่มประสิทธิภาพด้านเวลาและทรัพยากร พร้อมสร้างการปรับแต่งเฉพาะบุคคลและการเชื่อมต่อในระดับที่ใหญ่ขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษช่วงที่สอง นายทิม โรเซนฟิลด์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของบริษัท Firmus Technologies และ Sustainable Metal Cloud (SMC) ได้เน้นย้ำว่าแม้ AI จะสามารถปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง แต่หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดที่เราเผชิญคือความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางการขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราพบโอกาสสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้โดยอาศัยระบบโครงสร้างพื้นฐานการทำความเย็นด้วยของเหลว หรือ Liquid cooling infrastructure ที่เข้ามาเป็นตัวพลิกโฉมการใช้พลังงานในระบบโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว โดยเทคโนโลยีนี้สามารถลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงร้อยละ 50 นายทิมยังเน้นย้ำว่า การปรับปรุงดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีอยู่เดิมด้วยเทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ทำได้จริง แต่ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ
การเสวนากลุ่มช่วงที่หนึ่ง ภายใต้หัวข้อ "ความท้าทายและโอกาสในการประยุกต์ใช้ AI สำหรับงานโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์" ได้รวบรวมผู้นำทางความคิดหลายท่าน ประกอบด้วย นายธีรพันธุ์ เจริญศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู ไอดีซี จำกัด นางสาวเจมมี่ โค ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ของ Grab นางสาวอิง ศิริกุลบดี ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะของ Facebook ประเทศไทย และนายศักดา แซ่อึ้ง ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจโซลูชันข้อมูลและการสื่อสารประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ โดยในการเสวนา ผู้ร่วมอภิปรายได้ให้ความสำคัญกับแนวคิด "ปัญญาประดิษฐ์ที่มีความรับผิดชอบ" (Responsible AI) ในฐานะองค์ประกอบพื้นฐานสำหรับนักพัฒนา แพลตฟอร์ม และประเทศต่าง ๆ โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของแนวคิดนี้ในการสร้างความไว้วางใจ ความโปร่งใส และความรับผิดชอบในการพัฒนาและใช้งานเทคโนโลยี AI นอกจากนี้ ผู้ร่วมเสวนาได้อภิปรายเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการผสานศักยภาพของ AI เข้ากับแพลตฟอร์มที่มีอยู่ โดยเน้นถึงความสำคัญของการบูรณาการอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งไม่เพียงแต่ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ แต่ยังช่วยลดการหยุดชะงักและความเสี่ยงในการดำเนินงานให้เหลือน้อยที่สุด การสนทนายังครอบคลุมถึงแนวทางที่บริษัทต่าง ๆ สามารถรับประกันความคุ้มค่าของการลงทุนด้าน AI ในระยะยาว โดยมุ่งเน้นสามประเด็นหลัก ได้แก่ การรักษาความคล่องตัวในการประยุกต์ใช้นวัตกรรม การปรับตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และการลงทุนในโซลูชันที่สามารถขยายขนาดได้ เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันภายในภูมิทัศน์ดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
การเสวนากลุ่มช่วงที่สอง ภายใต้หัวข้อ "การใช้ประโยชน์จากพลังของ AI มาสร้างสรรค์พื้นที่ทำงานและที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ" มีผู้ร่วมอภิปรายประกอบด้วย นายเอลวิน ตัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายโซลูชันลูกค้าของ CapitaLand นายปกาศิต พึ่งรัศมี ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิรูปการดำเนินงานด้านซีเมนต์จาก SCG ดร.เชาวลิต มิตรสันติสุข จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคุณเจน หยาง ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกของกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของเดลต้า ในการเสวนาครั้งนี้ ผู้ร่วมอภิปรายได้หยิบยกประเด็นความท้าทายที่องค์กรต่าง ๆ ต้องเผชิญในการผสานรวม AI เข้ากับสภาพแวดล้อมการผลิตและอาคารต่าง ๆ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้ AI ให้สอดคล้องกับระบบที่มีอยู่เดิม การจัดการต้นทุนที่สูง และการบูรณาการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้อภิปรายถึงศักยภาพของ AI ในการเสริมสร้างความยั่งยืนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและโรงงาน พร้อมทั้งนำเสนอแนวทางการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรและลดปริมาณของเสีย การเสวนายังครอบคลุมถึงความสามารถของพื้นที่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้ โดยเน้นย้ำความสำคัญของการรักษาสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ในประเด็นนี้ ผู้ร่วมอภิปรายได้ย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในยุคของ AI พร้อมทั้งเสนอแนะถึงความจำเป็นในการพัฒนาระบบป้องกันข้อมูลที่แข็งแกร่งและการกำหนดนโยบายที่โปร่งใส
นอกจากนี้ ภายในงาน เดลต้าได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ล้ำสมัย ประกอบด้วย:
- โซลูชันดาต้าเซ็นเตอร์
- ระบบอุตสาหกรรมอัตโนมัติ
- โซลูชันการจัดการพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ
- โซลูชันการเฝ้าระวังอัจฉริยะและการจัดการอาคารอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI
Delta Future Industry Summit 2024 ได้ตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำของเดลต้าในการสร้างเวทีแห่งความร่วมมือสำหรับผู้นำอุตสาหกรรมและผู้กำหนดนโยบาย งานประชุมสุดยอดอุตสาหกรรมแห่งอนาคตครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดแนวคิดเชิงนวัตกรรม แต่ยังมีส่วนสำคัญในการวางรากฐานสำหรับอนาคตที่เติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสำเร็จของงานประชุมฯ ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเดลต้าในการดำเนินงานตามพันธกิจ "มุ่งมั่นสร้างสรรค์ นวัตกรรมการใช้พลังงานสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่า" บริษัทฯยังคงเดินหน้าผลักดันเทคโนโลยีและความยั่งยืน พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือที่เสริมสร้างศักยภาพให้แก่ภาคอุตสาหกรรมและชุมชน เพื่อรองรับการเติบโตในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ที่มา: วีโร่ พับลิค รีเลชั่นส์