ภายในงาน นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยและเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน รวมถึงโอกาสและความท้าทายในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญ โดยเน้นย้ำว่าประเทศไทยกำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญจากเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมสู่เศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมทั้งเปิดเผยนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลธนาคารกลาง (CBDC) การส่งเสริมการใช้ Investment Token และ Smart Contract รวมถึงการพัฒนา Blockchain แห่งชาติ
นายวรวงศ์ รามางกูร กล่าวว่า "แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต คาดการณ์ว่า จะมีสัดส่วนต่อ GDP เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในห้าปีข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค โดยการปฏิวัติดิจิทัลในครั้งนี้ ไม่ใช่ภารกิจของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการเดินหน้าร่วมกันของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างอนาคตที่รุ่งเรืองให้กับประเทศไทยของเรา"
นอกจากนี้ นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้แสดงวิสัยทัศน์ถึง 4 แนวโน้มเร่งด่วนที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ได้แก่ 1.การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเคลื่อนจากโลกาภิวัตน์สู่ภูมิภาคนิยม 2. การปรับเปลี่ยนสัญญาประชาคมเนื่องจากสังคมผู้สูงอายุและรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป นำไปสู่การทบทวนระบบสวัสดิการและประกันสังคมครั้งใหญ่ 3. การปฏิวัติดิจิทัลที่จะเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานและการผลิตอย่างมาก โดยเฉพาะการมาของ New Frontier Technologies อย่าง AI, Big Data, 3D Printing, IoT, Blockchain และเทคโนโลยีอื่นๆ และ 4. การเปลี่ยนผ่านสู่โลกสีเขียวที่จะมีมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมบังคับใช้อย่างเข้มงวด
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา กล่าวทิ้งท้ายว่า "โลกภายใน 50 ปีข้างหน้า ประชากรไทยจะเหลือเพียง 33 ล้านคน โดยมีสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวัยแรงงานมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าภายในอีก 5 ปี 44% ของงานในปัจจุบันจะถูกแทนที่ด้วย AI ที่สามารถทำแทนได้ รวมถึงภายใน 6 ปี ทุกบริษัทจะต้องลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ (Net Zero) เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ "Public-private Partnership" ที่ต้องช่วยกันที่ต้องช่วยกันรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ เพราะเพราะไม่มีใครสามารถฝ่าคลื่นลูกใหญ่นี้ได้โดยลำพัง เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและรุ่งเรืองสำหรับประเทศไทย"
ทั้งนี้ Bitkub Summit Gala Night 2024 ถือเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ นักลงทุน และกลุ่มภาครัฐ ในทุกภาคส่วน ซึ่งล้วนเป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง
ที่มา: Bitkub Capital Group Holdings