ด้วยตลาดหุ้นไทยที่ยังอาจมีความท้าทายระยะสั้นจากปัจจัยภายในประเทศ สำหรับกองทุน Thai ESG ที่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเติบโตไปกับเทรนด์ ESG พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษีด้วยระยะเวลาลงทุนเพียง 5 ปี จึงขอแนะนำ 2 กองทุนเด่นเป็นตัวช่วยลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุน ได้แก่ (1) กองทุน SCBTM(ThaiESG) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ไทยผสมยั่งยืน (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) ที่เน้นลงทุนแบบผสมยืดหยุ่น 0-100 % ในหุ้นและตราสารหนี้ของบริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์ไทยที่มีความโดดเด่นทางด้าน ESG (2) กองทุน SCBTB(ThaiESGA) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ไทยยั่งยืน (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนแบบสะสมมูลค่า) เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ และเสริมด้วยตราสารหนี้เอกชนคุณภาพดี ที่โดดเด่นด้าน ESG เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนอย่างมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ SCBAM ยังมีมุมมองเชิงบวกสำหรับตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไปจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักให้ตลาดไทยสามารถฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างมั่นคง
ถัดมากับกองทุน RMF สำหรับนักลงทุนที่ต้องการออมเพื่อวัยเกษียณพร้อมสิทธิลดหย่อนภาษี แนะนำกองทุน SCBRMS&P500 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส เพื่อการเลี้ยงชีพ ที่เน้นลงทุนหุ้นใหญ่สหรัฐฯ ตามดัชนี S&P500 ที่เศรษฐกิจยังแข็งแกร่งและมีศักยภาพเติบโตสูง (กองทุนได้รับมอร์นิ่งสตาร์ 4 ดาว ประเภท Thailand Fund US Equity ณ 30 ก.ย. 2567) โดยจากภาพรวมผลการดำเนินงานรอบครึ่งแรกปี 2567 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทยอยการปรับตัวเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งหากผลงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/67 ยังออกมาในเชิงบวก ก็จะช่วยหนุนตลาดหุ้นให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ และสุดท้าย กองทุน SSF เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อออมระยะยาว แนะนำธีมการลงทุนมาแรงที่มีโอกาสเติบโตสูงกับกองทุน SCBSEMI(SSF) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Semiconductor (ชนิดเพื่อการออม) ลงทุนหุ้นทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับ Semiconductor (กองทุนได้รับมอร์นิ่งสตาร์ 4 ดาว ประเภท Thailand Fund Global Technology ณ 30 ก.ย. 2567) หนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลกที่น่าสนใจลงทุนและมีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างของเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยี
นางสาวศุภรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ในช่วงที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวและยังมีความผันผวน ตลาดยังมีแนวโน้มเติบโตจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อวางแผนภาษีให้มีประสิทธิภาพ และการเลือกลงทุนในกองทุนรวมลดหย่อนภาษีที่มีความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการ ไม่เพียงแต่ได้สิทธิช่วยลดหย่อนภาษีประจำปี แต่ยังเป็นตัวช่วยเพื่อสร้างความมั่นคั่งทางการเงินในระยะยาวอีกทางหนึ่งด้วย"
ที่มา: บลจ.ไทยพาณิชย์