วิสเมย์ ชาร์มา ประธานของลอรีอัล ภูมิภาค SAPMENA กล่าวว่า "เราเชื่อว่าภูมิภาคเอเชียใต้แปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือมีศักยภาพที่จะกลายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรม Beauty Tech และกำหนดอนาคตของความงามได้ ภูมิภาคนี้มีระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่มีพลวัตสูง มีผู้บริโภคที่ช่ำชองการใช้เทคโนโลยีมากที่สุดในโลก ทั้งหมดนี้ช่วยสร้างโอกาสให้กับนวัตกรรมล้ำยุคที่จะยกระดับประสบการณ์ความงามของผู้บริโภค ในการเปิดตัวโครงการ Big Bang Beauty Tech Innovation Program ครั้งแรกนี้ เราได้เห็นแนวคิดที่มีศักยภาพอย่างเหลือเชื่อ และตั้งตารอที่จะร่วมมือกับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่ได้รับรางวัลทั้งสามรายเพื่อบ่มเพาะนวัตกรรมสำหรับโลกแห่งความงาม ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เรามุ่งมั่นที่จะเร่งขับเคลื่อนนวัตกรรม Beauty Tech ของเราเพื่อผู้บริโภคใน SAPMENA"
สตาร์ทอัพที่ได้รับรางวัลชนะเลิศใน L'Oreal SAPMENA Big Bang Beauty Tech Innovation Program ปี 2567 ได้แก่
Creatively Squared (สิงคโปร์): แพลตฟอร์มผลิตเนื้อหาภาพที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถผลิตภาพถ่ายและวิดีโอดิจิทัลที่มีคุณภาพสูง มีประสิทธิภาพ และตรงตามแบรนด์
Live2.ai (อินเดีย): แพลตฟอร์ม SaaS ที่นำเสนอโซลูชันวิดีโอแบบอินเทอร์แอกทีฟ โดยมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีวิดีโอที่สามารถซื้อสินค้าได้สำหรับ Connected TV (CTV), เว็บไซต์ และแอพต่างๆ แบรนด์ ช่วยให้ส่วนธุรกิจธุรกิจสามารถสร้างวิดีโอที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ชมสามารถซื้อสินค้าได้โดยตรงภายในเนื้อหาวิดีโอ
NeuralGarage (อินเดีย): ใช้ Generative AI เพื่อแก้ปัญหาการพากย์เสียงที่ไม่เป็นธรรมชาติในสื่อบันเทิง ด้วยเทคโนโลยีที่ซิงค์การเคลื่อนไหวของริมฝีปากของนักแสดงกับเสียงพากย์ สร้างประสบการณ์การรับชมที่เป็นธรรมชาติโดยยังคงรักษาอารมณ์ของเนื้อหาต้นฉบับ
เหล่าสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมการแข่งขันได้นำเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อรับมือกับความท้าทายสำคัญในอุตสาหกรรมความงาม โดยมุ่งเน้นไปที่หนึ่งในห้าหัวข้อที่กำหนด หรือมากกว่านั้น ได้แก่ ประสบการณ์ของผู้บริโภค (Consumer Experience), เนื้อหา (Content), สื่อ (Media), พาณิชยกรรมรูปแบบใหม่ (New Commerce) และเทคโนโลยีเพื่อสังคม (Tech for Good) สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมการแข่งขันมีโอกาสได้เชื่อมต่อกับผู้นำด้านการค้าและดิจิทัล รวมถึงพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และพี่เลี้ยง ผู้ให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อทดสอบแนวคิดใหม่ๆ และศักยภาพในการขยายธุรกิจ คณะกรรมการตัดสินประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากลอรีอัล, เอคเซนเชอร์, กูเกิล, เมตา และ เวรอส เวนเจอร์ส
อึ้ง วี เว่ย กรรมการผู้จัดการอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเอคเซนเชอร์กล่าวว่า "เรามีความภูมิใจและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับลอรีอัลและระบบนิเวศที่กว้างขึ้น เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม ยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภค และกำหนดมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมความงาม การได้เห็นผู้เข้าร่วมผลักดันขีดจำกัดด้วยโซลูชั่นที่สร้างสรรค์และกล้าหาญ ซึ่งผสมผสานความเฉลียวฉลาดของมนุษย์เข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างราบรื่นนั้น เป็นแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง และเป็นการปูทางสำหรับอนาคตของบบิวงตี้เทค ขอแสดงความยินดีกับลอรีอัล ผู้เข้าแข่งขัน และผู้ชนะทุกท่านสำหรับความพยายามและการมีส่วนร่วมที่ยอดเยี่ยม"
ลอรีอัลมุ่งมั่นส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม เมื่อเร็วๆ Fast Company ได้ยกย่องให้ลอรีอัลติดอันดับ 50 สุดยอดสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดสำหรับผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมประจำปี 2024 (Top 50 2024 Best Workplaces for Innovators ) และเป็นผู้ชนะในหมวดความงามและแฟชั่น เพื่อเป็นการยกย่องความมุ่งมั่นในการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมในทุกระดับ
เกี่ยวกับโครงการ Big Bang Beauty Tech Innovation ในภูมิภาค SAPMENA
โครงการ Big Bang Beauty Tech Innovation เป็นการแข่งขันนวัตกรรมแบบเปิดระดับภูมิภาคที่มุ่งค้นหา สนับสนุน และบ่มเพาะสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพจากทั่วภูมิภาคเอเชียใต้แปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ (SAPMENA) สตาร์ทอัพเหล่านี้จะได้รับโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นด้านบิวตี้เทตของพวกเขาในหนึ่งในห้าธีมความท้าทาย ได้แก่ ประสบการณ์ผู้บริโภค, เนื้อหา, สื่อ, พาณิชยกรรมรูปแบบใหม่ และเทคโนโลยีเพื่อสังคม
ทีมที่ผ่านการคัดเลือกจากการแข่งขันรอบรองชนะเลิศระดับภูมิภาคทั้งสามรายการสำหรับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเข้ามาแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ SAPMENA Grand Finale โดยทีมที่เข้าแข่งจะเดินทางมาร่วมการแข่งขันด้วยตนเอง คณะกรรมการตัดสินประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากลอรีอัลและพันธมิตรของโครงการ ได้แก่ เอคเซนเชอร์, กูเกิล และเมตา
ผู้ชนะเลิศสามอันดับแรกในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศโซน SAPMENA จะได้รับโอกาสพัฒนาโครงการนำร่องเชิงพาณิชย์ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากลอรีอัล และเข้าร่วมโปรแกรมพี่เลี้ยงกับผู้บริหารระดับสูงจากลอรีอัลและพันธมิตรของโครงการเป็นระยะเวลาหนึ่งปี สตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในโครงการนำร่องในภูมิภาค SAPMENA อาจมีโอกาสร่วมงานกับลอรีอัลในระดับโลก โดยมีลอรีอัล SAPMENA เป็นจุดเริ่มต้น ช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวางและข้อมูลเชิงลึกของตลาด
ภูมิภาค SAPMENA เป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 40% ของโลก ครอบคลุมตลาด 35 ประเทศ รวมถึงตลาดที่มีการเติบโตเร็วที่สุด มีประชากรมากที่สุด และมีประชากรวัยหนุ่มสาวมากที่สุดในโลกหลายแห่ง ผู้บริโภคในภูมิภาคนี้เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีอายุเฉลี่ย 28 ปี (เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 33 ปี) และมีผู้ซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่า 60% ทุกสัปดาห์ โมเดลธุรกิจและเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซที่เป็นนวัตกรรมใหม่ มีบทบาทสำคัญเพื่อเข้าถึงและดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มนี้ ซึ่งถือเป็นผู้นำในการเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามด้วยอุดมคติความงามที่หลากหลาย วัฒนธรรมดิจิทัลที่คึกคัก ต้องการการเชื่อมต่อและมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสูงอยู่ตลอดเวลา ระบบนิเวศสตาร์ทอัพรวมกันทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และตะวันออกกลาง ประกอบด้วยสตาร์ทอัพมากกว่า 40,000 ราย โดยมีสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น (สตาร์ทอัพที่มีมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป) กว่า 180 บริษัท และมีเงินทุนหมุนเวียนสูงถึงสองหมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมา
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อ่านได้ที่ http://bigbang.lorealsapmena.com/
เกี่ยวกับลอรีอัล ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตอนใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ (SAPMENA)
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตอนใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ (SAPMENA) มีประชากร 3 พันล้านคน ซึ่งคิดเป็น 40% ของประชากรโลก จึงเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตของลอรีอัล และยังเป็นศูนย์รวมผู้มีทักษะและความสามารถระดับโลกอีกด้วย ทั้งนี้ ลอรีอัล ภูมิภาค SAPMENA ก่อตั้งขึ้นในปี 2564 เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจในตลาดที่มีประชากรมากที่สุดในโลก มีประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก และมีเศรษฐกิจใหม่ที่เติบโตรวดเร็วที่สุด โดยลอรีอัลภูมิภาค SAPMENA นำเสนอประสบการณ์ความงามรูปแบบใหม่ให้แก่ผู้บริโภคภายใต้แบรนด์ที่มีความเป็นสากลมากกว่า 30 แบรนด์และนวัตกรรมบิวตี้เทคที่พลิกโฉมอุตสาหกรรม โดยดำเนินงานผ่านบริษัทสาขารวม 13 แห่ง ใน 35 ประเทศทั่วภูมิภาค ตั้งแต่นิวซีแลนด์ไปจนถึงโมร็อกโก โมเดลธุรกิจของเรายึดมั่นในการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ โลก ผู้คน และผลิตภัณฑ์ของเรา
เกี่ยวกับลอรีอัล กรุ๊ป?
ลอรีอัล กรุ๊ป ในฐานะองค์กรด้านความงามชั้นนำของโลก ทุ่มเทในธุรกิจความงามมายาวนานกว่า 115 ปี เพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาด้านความงามของผู้คนทั่วโลก ภายใต้เป้าหมายในการสร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้ ลอรีอัลกำหนดทิศทางและมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้านความงามที่ครอบคลุม มีจริยธรรม สร้างความยั่งยืนให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งประกอบด้วยกว่า 37 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก และพันธสัญญาเพื่อความยั่งยืนอย่าง L'Oreal for the Future ลอรีอัลมุ่งมั่นมอบสิ่งที่ดีที่สุดด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความงามอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้คน
ลอรีอัล กรุ๊ป มียอดขายผลิตภัณฑ์ 4.118 หมื่นล้านยูโรในปี 2566 มีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายผ่านทุกช่องทาง ครอบคลุมถึงอีคอมเมิร์ซ ตลาดทั่วไป ห้างสรรพสินค้า เภสัชกรรมและร้านขายยา ซาลอน ร้านค้าปลีก และร้านค้าในสนามบิน และมีพนักงาน 90,000 คนทั่วโลก ลอรีอัลยึดมั่นในกลยุทธ์ที่สำคัญขององค์กรในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องโดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 20 แห่งใน 11 ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วยทีมงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมมากกว่า 4,000 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลกว่า 6,400 คน คิดค้นและพัฒนาความงามแห่งอนาคต เพื่อก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ชั้นนำด้าน Beauty Tech ต่อไป
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.loreal.com/en/mediaroom
เกี่ยวกับลอรีอัล ประเทศไทย
ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นสาขาของบริษัทผู้นำความงามของโลก นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ระดับสากล ใน 4 แผนกผลิตภัณฑ์
- แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค: ลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่ และ เมย์เบลลีน นิวยอร์ก
- แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง: ลังโคม, ไบโอเธิร์ม, จิออร์จิโอ อาร์มานี, คีลส์, ชู อูเอมูระ, อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ และ อิท คอสเมติกส์
- แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ: ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส
- แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง: ลา โรช-โพเซย์, วิชี่ และเซราวี
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.lorealthailand.com และ www.facebook.com/lorealthailand