อย่าเพิ่งตกใจ! หากหลังคลอดคุณแม่มีอาการเศร้า กังวล อ่อนไหว ขี้หงุดหงิด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ หรือเหนื่อยล้าจากการดูแลลูกน้อย เพราะนั่นอาจเป็นแค่อาการของ "เบบี้บลูส์" (baby blues หรือ Postpartum Blues) ภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เล็กน้อยและเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่มักเกิดภายใน 3-5 วันหลังคลอด และอาการจะหายไปได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยไม่ต้องรักษา
ในขณะที่ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Perinatal Depression) เป็นภาวะผิดปกติทางอารมณ์ มักเกิดภายใน 6-8 สัปดาห์หลังคลอด มีอาการรุนแรง หรือกินเวลานานกว่าสองสัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือน ซึ่งไม่สามารถหายเองได้ จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อภาวะสุขภาพทั้งคุณแม่และลูกน้อย ทำให้เด็กมีปัญหาด้านอารมณ์และพฤติกรรม เช่น ร้องไห้มากผิดปกติ ไม่ยอมกินนม เป็นโรคสมาธิสั้น หรืออาจมีปัญหาพัฒนาการทางภาษา เป็นต้น แถมคนในครอบครัวอาจได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อม ทำให้เสี่ยงเกิดภาวะซึมเศร้า
เช็คให้ชัวร์! ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดคุณแม่มีอาการอย่างไร?
- กังวลว่าจะไม่สามารถเลี้ยงดูตนเองและลูกได้
- ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล
- ไม่มีความรู้สึกผูกพันกับลูก
- รู้สึกทุกข์ใจอย่างมาก
- อารมณ์เศร้า ท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวัง
- ภาวะนี้มักเกิดขึ้นเกือบทั้งวัน หรือติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- มีความรู้สึกเหนื่อยหน่าย หมดความสนใจในงานหรือกิจกรรมที่ทำ
- อาการอื่น ๆ เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ไม่มีสมาธิ ตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ไม่ได้
การป้องกันภาวะซึมเศร้าหลังคลอดเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น คุณแม่และคนใกล้ชิดต้องดูแลเตรียมความพร้อมทั้งก่อนและหลังคลอด เพื่อให้สามารถรับมือกับภาวะนี้ได้ โดยเฉพาะคุณแม่ที่เคยมีประวัติเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอด ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นซ้ำได้ถึง 50%
วิธีการรับมือกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด อาทิ
- การทานอาหารที่มีประโยชน์
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- หาเวลาพักระหว่างวัน
- ให้คุณพ่อ/คนใกล้ชิดช่วยดูแลลูก
- ระบายความรู้สึกให้คนใกล้ชิดฟัง
- มีเวลาให้กับตัวเองบ้าง
- ลดการรับข่าวสาร
- ปรึกษาแพทย์
หากมีอาการรุนแรง ควรต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมิน โดยการรักษาภาวะซึมเศร้าหลังคลอดมีดังนี้
- การทำจิตบำบัด การได้พูดคุยกับแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักวิชาการสุขภาพจิต ช่วยให้ผู้ป่วยได้ระบายผ่อนคลายความวิตกกังวล และร่วมกันหาวิธีรับมือกับสถานการณ์และอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม
- การรักษาด้วยยา แพทย์อาจให้ผู้ป่วยรับประทานยาต้านความเศร้า ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงและประโยชน์ของยาก่อนใช้ ในผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจพิจารณาให้ทำจิตบำบัดร่วมกับการใช้ยาร่วมกัน
โดย...แพทย์หญิงปัทมาพร ทองสุขดี
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาล BMHH - Bangkok Mental Health Hospital
ที่มา: ChomPR