ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทยมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่ควบคุมได้จากกิจกรรมที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาในพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตรกรรม และพื้นที่โล่งอื่นๆ รวมถึงสถานประกอบการต่าง ๆ เช่น อู่ซ่อมรถ พ่นสีรถ นอกจากนั้นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากสภาพภูมิอากาศ ทั้งอากาศเย็นและแห้ง ความกดอากาศสูง หรือ ในสภาพอากาศนิ่ง จะส่งผลให้ฝุ่นละออง PM2.5 ไม่แพร่กระจาย แขวนลอยในอากาศได้นานขึ้น
ดังนั้น ในช่วงที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานและเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ จึงได้เสนอแนะแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย 9 วิธีป้องกันและแก้ไขปัญหา เพื่อช่วยลดมลพิษจากฝุ่นละออง PM2.5 ดังนี้ 1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว 2. ใช้ระบบขนส่งมวลชนหรือระบบราง 3. ทำงานที่บ้าน 4. ตรวจสภาพรถยนต์ที่ใช้งานอย่างสม่ำเสมอ 5. ใช้น้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ (EURO 5) 6. ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งขณะจอดรถ 7.ใช้เทคโนโลยีการเกษตรแทนการเผา 8. นำเศษวัสดุการเกษตรไปใช้ประโยชน์หรือนำไปต่อยอดทำเป็นอาหารสัตว์หรือปุ๋ยหมัก และ 9. หยุดเผาใบไม้ กิ่งไม้ และขยะ โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นแนวทางสำคัญสำหรับประชาชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สามารถดำเนินการและลงมือทำได้ทันที เพื่อร่วมกันคนละไม้คนละมือ ลดมลพิษฝุ่นละออง PM2.5 ให้ลดลง
ส่วนการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมและลดภาษี ทำให้ตอนนี้มีคนเริ่มใช้รถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถส่วนตัวหรือรถโดยสารไฟฟ้า (EV BUS) ซึ่งช่วยให้ผู้ที่เดินทางด้วยรถสาธารณะสามารถมีส่วนร่วมในการลดฝุ่น PM2.5 ไปพร้อม ๆ กัน
อย่างไรก็ตามหากประชาชนมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้านไปในพื้นที่ที่มีฝุ่นละออง PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน และควรงดกิจกรรมกลางแจ้งหรือการออกกำลังกายกลางแจ้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นละอองที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนได้ ซึ่งหากพบว่ามีอาการผิดปกติทางสุขภาพ ควรรีบพบแพทย์ทันที
ทั้งนี้การเตรียมพร้อมรับมือฝุ่นละออง PM2.5 อย่างไม่ตื่นตระหนกแต่มีความตระหนักรู้อย่างเท่าทัน ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 และการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นล่วงหน้า 7 วัน ได้ที่แอปพลิเคชัน หรือ เว็บไซต์ air4thai link : http://air4thai.pcd.go.th/ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันซึ่งใช้งานได้ทั้งระบบ iOS Android และ AppGALLERY
ที่มา: ซี.เอ.อินโฟมีเดีย