นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2567 เชื่อว่ามีทิศทางการเติบโตที่ดี หลังงบประมาณภาครัฐมีผลบังคับใช้ เดินหน้าสู่เป้าหมายกำไรเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากลูกค้าที่เป็นธุรกิจหลัก หรือ Core Business และ New Business จาก 8 กลุ่มธุรกิจของบริษัท พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงเดินหน้ากลยุทธ์มุ่งสู่การเป็นที่ 1 ในธุรกิจดิจิทัลโซลูชัน ครอบคลุมด้านโทรคมนาคมและไอซีที ต่อยอดธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต เช่น ระบบ Smart Solutions โดยมุ่งเน้น Smart Hospital, Smart Farming, Smart Logistics, Cyber Security, Smart Learning และ Smart Platform ที่เป็นโอกาสสร้างการเติบโตใหม่ๆ โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี IoT ร่วมกับการสร้างและออกแบบเน็ตเวิร์กและเซิร์ฟเวอร์มาเสริมสร้างประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และควบคุมคุณภาพในธุรกิจด้านต่างๆ ซึ่งในตอนนี้บริษัทมีการเซ็นสัญญารับงานกับลูกค้าเข้ามาบ้างแล้ว
โดยช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ มีงานโครงการใหญ่ๆ ที่จะลงทุนเยอะที่สุดในกลุ่มลูกค้าที่เป็น Operator เป็นงานซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ TKC ยังเดินหน้าตามเป้าหมาย ส่วน New Business ที่เป็นพวก Smart ต่างๆ เช่น Smart Hospital, Smart Farming, Smart Logistics เป็นต้น ทั้งนี้ TKC คาดหวังจะได้งานโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ อย่างเช่น คลาวด์ ซึ่งเป็นการยกระดับนโยบายของรัฐบาล สู่ Cloud First Policy หรือการใช้งานระบบคลาวด์เป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะออกมาในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และปีหน้า ถือเป็นโอกาสของ TKC
ปัจจุบัน TKC มีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ราว 2,300 ล้านบาท คาดจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 30% โดยตั้งเป้าความสามารถในการเข้าประมูลประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี โดยจะเลือกเข้าร่วมประมูลโครงการที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และตั้งเป้าอย่างน้อยจะมีงานเข้ามาเติมพอร์ต Backlog ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ของการเข้าร่วมประมูล
"ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ากำไรเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากธุรกิจหลักด้านโทรคมนาคมและไอซีทีที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจด้าน Cyber Security ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 5% จากรายได้ทั้งหมด และในปีถัดไปจะเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลัก ไปอีก 5 ปีต่อจากนี้ โดยมองว่าในปี 2567 จะได้เห็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้เพิ่มเฉลี่ยอย่างน้อยปีละ 7-10% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ประจำอยู่ที่ประมาณ 35% ของพอร์ตรายได้รวม" นายสยาม กล่าว
สำหรับผลประกอบการบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 3 ปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 51.51 ล้านบาท ลดลง 30.24% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 73.84 ล้านบาท มีรายได้รวม 458.17 ล้านบาท ลดลง 51.46% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 943.96 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2566 บริษัทรับรู้รายได้จากงานโครงการขนาดใหญ่ และโครงการที่เริ่มดำเนินการและส่งมอบงานในระหว่างปี
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 38.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯได้ลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ในไตรมาส 4/2566
ที่มา: IR PLUS