ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 9 เดือนที่ 4,009 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิเฉพาะไตรมาส 3 ของปีนี้ อยู่ที่ 1,307 ล้านบาท จากกระแสตอบรับที่ดีจากโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ หรือ Ready to Move ของแสนสิริ ทั้งจากกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติที่ต้องการคอนโดในเมืองและหัวเมืองท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Joint Venture ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งในไตรมาส 3 และรอบ 9 เดือน จากการโอนคอนโดมิเนียมเดอะ ไลน์ ไวบ์ มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท ภายใต้การร่วมทุนระหว่างแสนสิริ และ แรบบิท โฮลดิ้งส์ ในกลุ่มบีทีเอส คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่มียอดขายแล้ว 75% บนสุดยอดทำเลศักยภาพตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว นับเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตตาม Business Direction ที่วางไว้
จากผลประกอบการที่รักษาระดับดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนด้วยสภาพคล่องกว่า 15,000 ล้านบาท เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจและจ่ายคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดปีนี้ โดยไม่จำเป็นต้องออกหุ้นกู้ชุดใหม่ สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารการเงินของบริษัทที่ดีได้เป็นอย่างดี
"ล่าสุด แสนสิริประสบความสำเร็จจากงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 46 ที่ลูกค้ามั่นใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ประกอบกับการมอบโปรโมโมชั่นที่ทำถึง ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกเซ็กเมนต์ ส่งผลให้สร้างยอดขายได้ถึง 2,000 ล้านบาท ทุบสถิติ สร้างประวัติศาสตร์ใหม่จากการจัดงานที่ผ่านมา รับบรรยากาศตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐและเทรนด์ดอกเบี้ยขาลง จากความสำเร็จดังกล่าวส่งผลให้ยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นไตรมาส 4 ถึงปัจจุบัน สูงถึง 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่ายอดขายจากแคมเปญ เว่อร์วัง อลังเซล รวมถึงการเปิดตัวอีก 11 โครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปี จะส่งผลให้ยอดขายทั้งปีเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเน้นไปที่โครงการระดับไฮเอนด์ อาทิ NARINSIRI (ณริณสิริ) แบรนด์ใหม่ล่าสุด ใน 2 โครงการ, เศรษฐศิริ บางนา กม. 10 และงามวงศ์วาน รวมถึง THE TALES STORY ONE - BANGJO (เดอะ เทลล์ สตอรี่ วัน - บางโจ) พูลวิลล่าโครงการใหม่ในภูเก็ตซึ่งเป็น Strategic Location ที่ยังมีเรียลดีมานด์อย่างต่อเนื่องและลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี" นายวิชาญ กล่าว
ที่มา: แสนสิริ