ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนในปี 2567 ของ BAFS Group จาก 3 กลุ่มธุรกิจหลักประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจ Aviation กลุ่มธุรกิจ Utilities และกลุ่มธุรกิจ Power มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท 152.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.18 บาทต่อหุ้น และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 4% ขณะที่ EBITDA ยังคงเติบโตต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 12% มาอยู่ที่ 1,250.4 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 2,551.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตของรายได้ดังกล่าวมีปัจจัยหลักมาจากกลุ่มธุรกิจ Aviation ซึ่งสอดรับกับการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทางระหว่างประเทศของนักท่องเที่ยวเกือบทุกกลุ่ม สะท้อนถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งในการดำเนินงานท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย พร้อมขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างผลประกอบการที่เติบโตอย่างมั่นคง
สำหรับภาพรวมการดำเนินงานของ BAFS Group ในไตรมาสที่ 3/2567 ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงทางการเงิน โดยมีรายได้รวม 855.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA จำนวน 396.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ Aviation และกลุ่มธุรกิจ Utilities เป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก จากกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวสูงขึ้นตามปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานและปริมาณขนส่งน้ำมันผ่านท่อที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน กอปรกับต้นทุนทางการเงินที่ลดลง 3% จากการที่กลุ่มบริษัทมีการจ่ายชำระเงินกู้ยืมอย่างสม่ำเสมอ และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 3/2567 มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 26.4 ล้านบาท
BAFS Group มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญกับการบริหารโครงสร้างรายได้จากกลุ่มธุรกิจอย่างสมดุล เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2567 บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด (BPT) ได้ลงนามในสัญญาเชื่อมต่อระบบท่อจากคลังน้ำมันสระบุรีไปภาคเหนือ และสัญญาเช่าที่ดินเพื่อดำเนินการตามโครงการระบบขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) กับ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (THAPPLINE) เตรียมเปิดให้บริการภายในปี 2569 คาดทำให้ปริมาณการขนส่งน้ำมันจากภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือเพิ่มขึ้นกว่า 700 ลิตรต่อปี นอกจากนี้ ใน Q3/67 BAFS ได้ชำระเงินเพิ่มทุนใน BPT จำนวน 90 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ BAFS เป็น 75.03%
"แนวโน้มการเติบโตของปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน และอุปสงค์การใช้น้ำมันในประเทศในช่วงที่เหลือของปียังมีทิศทางที่ดี โดยได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะกลับมาคึกคักมากขึ้นในช่วงไฮซีซัน รวมถึงแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อบรรลุเป้าหมายรวมที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งไว้ที่ 36.7 ล้านคน ส่งผลเชิงบวกกับกลุ่มธุรกิจ Aviation จึงยังคงเป้าหมายการเติบโตตามคาด นอกจากนี้ BAFS Group ยังมีรายได้จากการขายรถเติมน้ำมันอากาศยาน ของบริษัท บาฟส์ อินเทค (BAFS INTECH) ที่เริ่มมีการส่งมอบรถให้แก่ลูกค้าทั้งภายในและต่างประเทศแล้ว ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Power ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานทดแทนในพื้นที่ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง"
ที่มา: บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ