ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (SFLEX) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 483.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.9 ล้านบาท คิดเป็น 12.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 429.4 ล้านบาท หากพิจารณาความสามารถในการทำกำไร บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 26.1% ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับหลายไตรมาสที่ผ่านมา ขณะเดียวกันในไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 75.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54.19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสำหรับไตรมาสอยู่ที่ 15.6% เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนทำได้อยู่ที่ 11.4% ซึ่งอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยกำไรสุทธิในไตรมาสล่าสุดนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,432.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.1 ล้านบาท คิดเป็น 4.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,375.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 204.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45.85% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 140.0 ล้านบาท โดยสามารถเติบโตได้สูงกว่ากำไรสุทธิของทั้งปี 2566 ที่ทำได้ 184.6 ล้านบาท
"ผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน เนื่องจากการฟื้นตัวของสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศหลังการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี และลูกค้าเริ่มมีการเตรียมสต็อกสินค้าเพื่อรองรับดีมานด์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 อีกทั้งบริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ประกอบกับมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมที่จำนวน 9.8 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจของบริษัทร่วมที่ประเทศเวียดนาม เข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ" ดร.สมโภชน์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของปี 2567 บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน และสร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นการขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และกลุ่มที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความยั่งยืน หรือแพคเกจจิ้งที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ (Recyclable) ให้มากยิ่งขึ้นตามเทรนด์ในปัจจุบัน พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ยกระดับ SFLEX และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างครบวงจร และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว
ขณะที่ความคืบหน้าโครงการร่วมทุน "บริษัท สตาร์ยูเนี่ยน แพคเกจจิ้ง จำกัด" เตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณต้นปี 2568
ที่มา: ไออาร์เน็ตเวิร์ค