ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 มีรายได้จากการขาย 1,078.10 ล้านบาท รายได้ลดลง 69.15 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือลดลงร้อยละ 6 โดยมีสาเหตุหลักมาจาก
- รายได้จากส่วนงานธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามมีรายได้ลดลงร้อยละ 03 จากงวดก่อน เนื่องจากปัจจุบันมีคู่แข่งในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสินค้าแบรนด์ใหม่เข้ามาเสริมพอร์ทที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี เหมาะสำหรับทั้งช่างทำผมมืออาชีพและผู้ใช้งานทั่วไป คาดว่าผลิตภัฑณ์ดังกล่าวจะเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายในไตรมาสสุดท้ายได้เป็นอย่างดี
- ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศจากบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย (Authorized distributor) ในบางประเทศ ส่งผลโดยตรงต่อการรับรู้รายได้จากการขาย จากเดิมรับรู้รายได้จากยอดขายจากลูกค้า (End customer) เป็นการรับรู้รายได้จากการขายให้ตัวแทนจัดจำหน่ายซึ่งเป็นราคาขายส่ง (Wholesale price)
- นอกจากนี้ ผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในทางตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศทำให้เส้นทางการขนส่งหลายเส้นทางถูกตัดขาดหรือไม่สามารถเข้าถึงได้ ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ ในการกระจายสินค้าเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว
- อย่างไรก็ดี รายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีรายได้ 78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.82 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายในประเทศร้อยละ 38.28 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของยอดขายในประเทศ มีการพัฒนาสูตรการผลิต และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ระหว่างปีให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการขยายตลาดกลุ่มตัวแทนจำหนาย ช่องทางออนไลน์ และร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น
ในขณะที่ต้นทุนขายรวมงวด 9 เดือน ปี 2567 มีมูลค่า 465.02 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 43.13 ของรายได้จากการขาย สัดส่วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.65 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากต้นทุนขายสินค้าในต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะการแข่งขันในตลาด และราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ประกอบกับการขายสินค้ารายการพิเศษ (Big lot) ให้กับคู่ค้ารายหลักในต่างประเทศ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายงวด 9 เดือน ปี 2567 มีมูลค่า 353.88 ล้านบาท ลดลงในอัตราร้อยละ 13.44 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการขายของบริษัท และได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างต่อเนื่อง
โดยที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารงวด 9 เดือน ปี 2567 มีมูลค่า 268.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 4.61 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากค่าใช่จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการปิดบริษัทร่วมทุนในประเทศฟิลิปปินส์ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ และ Unrealized loss จากอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายคลังสินค้าและสำนักงานลดลงอย่างต่อเนื่องตามแผน Synergy Roadmap ภายในกลุ่มบริษัท
จากปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้บริษัทมีผลกำไรสุทธิ (Net Profit) สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 มูลค่า 3.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 112 หรือ 29.25 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลประกอบการขาดทุน 26.18 ล้านบาท
ในวันเดียวกันนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือนปี 2567 เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 6 ธันวาคม 2567
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 ว่า บริษัทยังคงมุ่นเน้นสร้างการเติบโตของยอดขายและกำไรอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงแผนการจับมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มความสามารถในการพัฒนาธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจให้เติบโตเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และแบรนด์สินค้าใหม่ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมความงามและไลฟสไตล์อย่างต่อเนื่อง
ที่มา: เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น