นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 32.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.96% เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30.53 ล้านบาท มีรายได้รวมอยู่ที่ 547.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.70% เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 490.50 ล้านบาท โดยรายได้ที่ลดลงเนื่องจากมีการส่งมอบงานในปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดสั่งซื้อที่มีอยู่ในมือ โดยรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 546.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดดียวกันของปีก่อน 89.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.75% จากการส่งมอบงานในปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดสั่งซื้อที่มีอยู่ในมือ
ขณะที่รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ 1.47 ล้านบาท ลดลง 32.06 ล้านบาท หรือลดลง 95.62% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากงานโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี สถานีไฟฟ้าแรงสูงหนองหาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) จังหวัดอุดรธานี - สถานีไฟฟ้าสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ทำงานแล้วเสร็จจบโครงการในไตรมาสที่ 2/2566 และงานโครงการอื่นๆ ก็ทยอยจบในไตรมาส 2 ของปี 2567 เช่นกัน
"ในไตรมาสที่ 3/2567 บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงาน 111.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 17.07% สำหรับงวด 9 เดือน บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงาน 314.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 22.27% จากรายได้การขายและบริการที่เพิ่มขึ้น และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น" นายวัฒน์ชัย กล่าว
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 99.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.13% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 94.37 ล้านบาท มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,590.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154.24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.74% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,436.09 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 โค้งสุดท้ายของปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เนื่องจากมี Backlog ที่รอส่งมอบอีกหลายโครงการ รวมทั้งมีโอกาสได้รับงานใหม่เข้ามาในช่วงที่เหลือปีนี้เพิ่มเติม อีกทั้งยังมีการลงทุนใน "วังคอนกรีต" เข้ามาเสริม และจากทิศทางของต้นทุนการเงินลดลง ประกอบกับงบประมาณการใช้จ่ายของภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดย STECH มีแผนเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนอีกหลายโครงการ ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความชำนาญ โดยวางเป้าหมายมีโอกาสได้รับงานเข้ามาเพิ่มเติมราว 1.3 พันล้านบาท เพื่อเสริมรายได้ในอนาคต สนับสนุนผลงานทั้งปีเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ รายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อน
STECH มีจุดเด่นของโรงงานผลิตลวด ที่มีกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตรูปแบบใหม่ โดยไม่ต้องใช้น้ำกรดซึ่งเป็นกรดไฮโดรคลอริคเข้มข้นในการกัดลวดโลหะให้สะอาดเหมือนในอดีต จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยัง พร้อมจัดจำหน่ายเสาเข็มขนาดเล็ก (Micropile) ให้กับลูกค้าใน รูปแบบ B2C ซึ่งเป็นการจำหน่ายให้กับ ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือเจ้าของบ้านที่ต้องการซ่อมแซม ต่อเติมบ้าน ไม่ให้ทรุดตัว เพื่อเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้กับ STECH ในอนาคต
ที่มา: IR PLUS