นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาส 4 ปี 2567 แนวโน้มค่อนข้างดีและเป็นไปในทิศทางบวกเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทั้งนี้มาจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศ และขานรับต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศใช้ ทั้งมาตรการเงิน 10,000 บาทที่ส่งถึงมือประชาชนกลุ่มเป้าหมาย และแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้ผู้บริโภคที่วางแผนสร้างบ้านเริ่มกลับมาตัดสินใจสร้างบ้านอีกครั้งหลังจากชะลอแผนไปในช่วงที่ผ่านมา โดยความต้องการสร้างบ้านที่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ดีในไตรมาส 4 เป็นกลุ่มบ้านระดับราคา 5 - 10 ล้านบาท รองลงมาเป็นกลุ่มบ้านระดับราคา 20 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนจากยอดสั่งสร้างบ้านภายในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024 ครั้งล่าสุด
นอกจากนี้ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีตลาดรับสร้างบ้านยังได้รับปัจจัยบวกจากแรงจูงใจด้านการลดหย่อนภาษีการสร้างบ้าน สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน มูลค่า 1 ล้านบาท สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษี 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท (ราคาไม่ เกิน 10 ล้านบาท) โดยเป็นบ้านสั่งสร้างที่มีการเซ็นสัญญา และเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 9 เมษายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2568
"โดยรวมไตรมาส 4 นับว่ากระเตื้องขึ้นมาค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีนี้ สาเหตุหลักน่าจะมาจากการจัดงานงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024 เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจด้วยโปรโมชั่นที่ดึงดูด อย่างไรก็ดี กำลังซื้อที่กลับมาถือว่าเป็นตัวเลขต่ำกว่าไตรมาส 4 ของปี 2566 ประมาณ 10% ทั้งนี้ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่ทำให้ผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่น คาดว่ามูลค่ารวมยอดเซ็นสัญญาสั่งสร้างบ้านของบริษัทรับสร้างบ้าน (ที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ) ในสิ้นปีนี้จะอยู่ทีประมาณ 11,000 ล้านบาท"นายโอฬาร กล่าว
ด้านแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในปี 2568 โดยรวมสัญญาณค่อนข้างดีขึ้นจากปัจจัยสนับสนุน ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นจากนโยบายของรัฐบาล ซึ่งน่าจะมีข่าวดีจากโครการ ซ่อม สร้าง ในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้กลุ่มดีมานด์บ้านหรูยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวมไปถึงปัจจัยภายนอกอย่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่จะมีความชัดเจนด้านนโยบายต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวม
สิ่งที่น่าจับตามองในปี 2568 นายโอฬาร กล่าวว่า เป็นการแข่งขันด้านราคาที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้น จากช่างรับเหมาในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หันมารับงานสร้างบ้าน โดยเป็นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ส่วนใหญ่ที่พบจะเน้นรับก่อสร้างบ้านในราคาที่ต่ำกว่าตลาดรับสร้างบ้าน จึงมีความกังวล ทั้งในประเด็นการแข่งขัน รวมไปถึงคุณภาพและมาตรฐานการสร้างบ้าน ที่จะส่งมอบถึงมือผู้บริโภค
"การรับสร้างบ้านในราคาที่ต่ำอาจส่งผลต่อคุณภาพงาน นอกจากนี้หากเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้เข้าระบบภาษีมารับงาน อาจทำสัญญาที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านได้ ซึ่งสมาคมฯ เตรียมให้สมาชิกรับมือกับการแข่งขันที่เกิดขึ้น โดยเน้นที่การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาคุณภาพงานที่ดีและได้มาตรฐาน" นายโอฬารกล่าว
ที่มา: เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง