ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TCM Corporation Plc.) หรือ TCMC เผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 มีรายได้รวม 1.49 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจในยุโรป รวมถึงตลาดเฟอร์นิเจอร์ซบเซา ขณะที่กลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะก็ถดถอยลดลงอย่างมีนัยสำคัญตามผลประกอบการของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามสำหรับธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นและคาดว่าเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดสหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลาง ทั้งนี้สำหรับในไตรมาส 4 ปี 2567 คาดว่าจะฟื้นตัวและสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TCMC) เปิดเผยว่า บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (เรียกรวมกันว่า "กลุ่มบริษัท") มีรายได้จากการขายและบริการในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 จำนวน 1,490.46 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 19.3 อย่างไรก็ตามสำหรับ EBITDA อยู่ที่ 84.91 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 46.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 74.96 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันที่มีผลกำไรสุทธิ 7.43 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่สามของปี ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่หนักสำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกผันผวน ทั้งปัจจัย ค่าพลังงาน ค่าแรง และเงินเฟ้อ รวมทั้งสถานการณ์ตลาดที่ความต้องการซื้อเฟอร์นิเจอร์ลดลงอย่างมาก หลังจากช่วงที่บูมที่สุดหลังสถานการณ์โควิด แต่ TCMC ก็ยังมีความพร้อมในการปรับตัวและการบริหารจัดการที่ดี ไม่ว่าจะเป็น การปรับลดกำลังผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เร่งส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ในตลาดที่ยังมีช่องทาง โดยกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ (TCM Living) ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา แม้จะมีรายได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยในไตรมาสที่ 3 ยอดขายลดลงร้อยละ 37.85 หรือมีผลขาดทุนสุทธิ 116.39 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะตลาดเฟอร์นิเจอร์ในอังกฤษถดถอยและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเลือกซื้อของลูกค้า ซึ่งบริษัทได้บริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการจัดทำแผนการลดกำลังผลิตเพื่อรองรับกับยอดขายที่คาดว่าจะหดลงตามสภาวะตลาดในช่วงนี้ ซึ่งเราคาดการณ์ว่าตลาดจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ในช่วงปลายปี 2568" นางสาวปิยพร กล่าวเสริม
ด้านกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งผื้นผิว (TCM Surface) ในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นกลุ่มธุรกิจเดียวที่มีรายได้เติบโต โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 หรือคิดเป็น 774.97 ล้านบาท จากธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอเมริกาและตะวันออกกลาง โดยยอดขายในอเมริกามีสัดส่วนร้อยละ 35.5 และในตะวันออกกลางยอดขายเติบโตเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตามแม้ว่ากลุ่มธุรกิจดังกล่าวจะมีต้นทุนสูงขึ้นทั้งในด้านการขนส่ง ค่าแรง และค่าวัตถุดิบ แต่บริษัทยังสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 41.62 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 45.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 39.3 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้สำหรับแผนรุกตลาดทางบริษัทได้ลงทุนเพื่อส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องผ่านการจัดแสดงสินค้า การส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ และการขยายทีมขาย โดยคาดว่าการลงทุนครั้งนี้จะทำให้มีคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และต่อเนื่องไปถึงปี 2568
ขณะที่กลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ (TCM Automotive) ต้องเผชิญกับภาวะถดถอยของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายและความสามารถในการทำกำไร โดยในไตรมาสที่ 3 มีรายได้จากการขายลดลงร้อยละ 41.71 และอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือร้อยละ 17.42 ซึ่งคาดว่าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ยังคงต้องเผชิญกับภาวะดังกล่าว ทั้งจากระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ความนิยมรถใช้พลังงานไฟฟ้าที่สูงขึ้น และมาตรการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามบริษัทได้ปรับตัวผ่านการปรับปรุงพัฒนาด้านประสิทธิภาพการผลิต การปรับลดต้นทุนในทุกด้าน
สำหรับฐานะการเงินของ TCMC กลุ่มบริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 1.03 เท่า และมีอัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็วอยู่ที่ 0.63 เท่า ต่ำกว่าสิ้นปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 1.21 เท่า และ 0.82 เท่า ตามลำดับ ในภาพรวมกลุ่มบริษัทยังมีสภาพคล่องที่ดี และในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 กลุ่มบริษัทมีรายได้อื่นจำนวน 1.61 ล้านบาท เป็นรายได้จากดอกเบี้ยรับ ค่าเช่า ค่าขายสินทรัพย์ เศษซาก ฯลฯ เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีอยู่ที่ 5.26 ล้านบาท และใน Q3/2567 นี้มีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมสัญญาอนุพันธ์จำนวน 50.43 ล้านบาท ซึ่งจะไปหักล้างกับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 60.92 ล้านบาท จากการจองซื้ออัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าของกลุ่มธุรกิจ TCM Surface ทั้งนี้บริษัทจะยังคงติดตามการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยและบริหารจัดการหนี้สินระยะยาวให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง
"ถึงแม้ในภาพรวมจะยังไม่เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ แต่จากการปรับกลยุทธ์ต่างๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้เรายังคงความเป็นผู้นำตลาดทั้งในกลุ่มวัสดุตกแต่งพื้นผิวและกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ในประเทศอังกฤษ สำหรับแผนงานในปี 2568 จะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดและขยายส่วนแบ่งทางการตลาดตลอดจนศึกษาและมองหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจใหม่ รวมถึงการดำเนินธุรกิจด้วยระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นธรรมและตรวจสอบได้ ควบคู่ไปกับการไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสมตามความต้องการของลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียเพื่อร่วมกันสร้างการเติบโตและก้าวสู่การเป็นองค์กรชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับทุกห่วงโซอุปทานทางธุรกิจอย่างรอบด้านและยั่งยืน" นางสาวปิยพร กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: ฮิต ทู พับบลิค