นางมธุวลี สถิตยุทธการ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "การได้รับรางวัล AMCHAM Corporate Social Impact Award ครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสร้างคุณค่าให้แก่สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยในปีนี้ เราเน้นสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์น้ำให้กับเยาวชนไทย ภายใต้โครงการ "วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ 2567" (One Suntory Mizuiku Program 2024) ผ่านกิจกรรมภายใต้ห้องเรียนธรรมชาติ หรือ Nature Classroom ที่มอบการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เพื่อให้เยาวชนสามารถนำองค์ความรู้ไปปรับใช้ได้ตามบริบทของแต่ละชุมชน และการส่งเสริมการบูรณาการการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียน ผ่านการดำเนินโครงการอนุรักษ์น้ำที่ครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบาย การมีส่วนร่วมของบุคลากร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายผลสู่ชุมชนโดยรอบ โดยเรามุ่งสร้างจิตสำนึกด้านการรับผิดชอบต่อสังคม และสนับสนุนให้เยาวชนเป็น 'ผู้นำการเปลี่ยนแปลง' ที่จะกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านการปกป้องรักษาน้ำ และผลักดันการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ เราได้ดำเนินโครงการรักษ์น้ำมาตั้งแต่ปี 2564 เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนไทยตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำจากแหล่งน้ำ ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ และสนับสนุนให้พวกเขาเป็นผู้นำกิจกรรมหรือโครงการรักษ์น้ำอย่างสร้างสรรค์ในชุมชนของตนเอง โดยที่ผ่านมา เราจัดกิจกรรมการเรียนรู้ห้องเรียนธรรมชาติเพื่อมอบองค์ความรู้ด้านการปกป้องรักษาน้ำในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีเยาวชนได้รับความรู้จากการเข้าร่วมกิจกรรมและการดำเนินโครงการรักษ์น้ำในโรงเรียนกว่า 37,000 คน และมีครูได้รับการอบรมด้านการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนกว่า 180 คน โดยเรามุ่งหวังที่จะให้แกนนำนักเรียนและครูเหล่านี้เป็นตัวแทนของการขยายผลต้นแบบการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมในระดับประเทศต่อไป"
ที่ผ่านมา บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเพิ่มพูนผลกระทบเชิงบวกที่สร้างให้กับสังคม ตั้งแต่การเริ่มต้นโครงการด้านการรักษ์น้ำในปี 2564 ด้วยแนวคิด "Save the Water, Save the World" ร่วมกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (Environmental Education Center หรือ EEC) จัดกิจกรรมการเรียนรู้จากห้องเรียนธรรมชาติริมทะเลอันดามัน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้การปกป้องแหล่งน้ำจากทะเลและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้กับจังหวัดภูเก็ต ต่อมาในปี 2565 บริษัทฯ นำเสนอแนวคิด "Give Balance to Water and the World" มอบการเรียนรู้ผ่านห้องเรียนธรรมชาติให้กับเยาวชนจากจังหวัดระยอง โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และสถาบันการเรียนรู้ของคนทุกช่วงวัย จังหวัดระยอง (Rayong Inclusive Learning Academy หรือ RILA) รวมถึงศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา โดยมุ่งมอบองค์ความรู้ด้านการปกป้องแหล่งน้ำที่หลากหลายของจังหวัดระยอง และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ในปี 2566 โครงการฯ ได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการร่วมมือกับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมและโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ Eco-School เพื่อขยายผลสู่ระดับประเทศ โดยมุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนเป็นผู้นำการอนุรักษ์แหล่งน้ำในท้องถิ่นของตนเอง ได้แก่ แหล่งต้นน้ำในจังหวัดเชียงราย กลางน้ำในจังหวัดอุบลราชธานี ปลายน้ำในจังหวัดฉะเชิงเทรา และทะเลในจังหวัดกระบี่ภายใต้แนวคิด "Protect Water, Care for the Environment for a Sustainable Thailand"
ยิ่งไปกว่านั้น ปี 2567 นับเป็นก้าวสำคัญของโครงการฯ โดยบริษัทฯ ได้ร่วมกับ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินโครงการ "วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ 2567" พร้อมประสานความร่วมมือกับพันธมิตรภาครัฐและภาคสังคม เช่น กรมทรัพยากรน้ำ กรมควบคุมมลพิษ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา จัดกิจกรรม "ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ" (Mizuiku Water Hero Camp) และกิจกรรม "โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ" (Mizuiku Water Model School) โดยมีแกนนำนักเรียนและครูจาก 30 โรงเรียนในจังหวัดระยองและชลบุรีเข้าร่วม พร้อมมอบโอกาสพิเศษให้ 2 โรงเรียนที่ชนะการประกวดโรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ ร่วมทัศนศึกษาเรียนรู้ต้นกำเนิดโครงการมิซุอิกุ ณ ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ติดตามกิจกรรมด้านความยั่งยืนและกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) ได้ที่ Facebook และ LinkedIn : Suntory Beverage & Food (Thailand) และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.suntorybeverageandfood.co.th
ที่มา: FourHundred