นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ หรือ NRF เปิดเผยภาพรวมของกำไรที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2567 ว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ 3 ปีของบริษัท โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของยอดขายในทุกกลุ่มธุรกิจหลักทั้งหมด ได้แก่ อาหารท้องถิ่น อาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจค้าปลีกสินค้าเอเชียแบบ Omni-channel ในสหราชอาณาจักร และเทียบกับไตรมาส 2/2567 มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 หรือ 103.36 ล้านบาท โดยมาจากกลุ่มธุรกิจอาหารท้องถิ่น อาหารสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในปี 2566-2569 ที่มุ่งเน้นธุรกิจหลักและขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก บริษัทฯ ได้ขายการลงทุนใน Boosted NRF Limited ทำให้มีกำไรจากการขายเงินลงทุน จำนวน 166.53 ล้านบาท และมีกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของสินทรัพย์ทางการเงินจำนวน 291.41 ล้านบาท แม้ว่าจะมีการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าทางบัญชีของลูกหนี้เกินกำหนด แต่บริษัทได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการติดตามหนี้เหล่านี้อย่างเต็มที่ ทำให้โดยรวมแล้วในไตรมาสนี้ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 39.3 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 3 ปี 2566 ร้อยละ 29 และสูงกว่าไตรมาส 2 ปีเดียวกัน ร้อยละ 54 ทั้งนี้ไตรมาสนี้มีผลจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงอยู่ที่ 34.2 ล้านบาท จึงทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 73.5 ล้านบาท ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,934 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 55 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 1.891.9 ล้านบาท
สำหรับไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มุ่งเน้นการเติบโตจากภายใน (Organic Growth) ผลักดันการเติบโตของ อาหารท้องถิ่น (Ethnic food) ด้วยผลิตภัณฑ์แบรนด์ของบริษัทฯ รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานซอสใหม่ของบริษัทฯ ซึ่งเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 2 และพร้อมส่งออกในช่วงสิ้นปี ซึ่งทำให้บริษัทฯ สามารถดำเนินการผลิตในปริมาณมากด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ผลักดันการเติบโตของอาหารสัตว์เลี้ยงโดยขยายกำลังการผลิต 1,800 ตันต่อเดือนเป็น 4,800 ตันต่อเดือน สุดท้ายคือมุ่งเน้นการขยายความสามารถในการกระจายสินค้าในสหราชอาณาจักร ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตของปริมาณแบบออร์แกนิกและการเปิดร้านค้าใหม่หรือการซื้อกิจการที่จะช่วยให้ NRF และพันธมิตรมีข้อมูลที่หลากหลายเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจโดยรวมของบริษัทฯ
จากพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทในปัจจุบันนี้ ทำให้ NRF มีเส้นทางการเติบโตที่ดีพร้อมกับความมั่นใจในการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว ด้วยแผนงานต่าง ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ แผนการเปิดสาขาใหม่ของ Bamboo Mart Limited ร้านค้าปลีกเอเชีย บนถนน Victoria Parade ใจกลางกรุงลอนดอน พื้นที่ขนาด 4,000 ตารางฟุต ภายในสิ้นปีนี้ และยังเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีกอย่างน้อย 5-7 แห่ง ครอบคลุมทั้งเมืองลอนดอน รวมถึงเมืองใหญ่อื่นๆ ในสหราชอาณาจักร และมีเป้าหมายขยายสาขาร้านค้าปลีกเพิ่มเติมในอนาคตอีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศของ NRF อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้แล้ว การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง "หอมเจียวพริกกรอบ ตราพ่อขวัญ" ก็กำลังกลายเป็นกระแสฮิตอย่างรวดเร็ว ด้วยรสชาติและความแปลกใหม่ที่ตอบโจทย์คนไทยที่ชื่นชอบอาหารรสจัดและกรุบกรอบ หลังจากเปิดตัวที่งาน Thaifex และมียอดขายถล่มทลายจนขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว "หอมเจียวพริกกรอบ ตราพ่อขวัญ" ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเมื่อลงขายในช่องทางออนไลน์ กระแสบอกต่อจากอินฟลูเอนเซอร์และคนทั่วไปช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์นี้กลายเป็นที่พูดถึงบนโซเชียลมีเดีย ด้วยคุณสมบัติที่เป็นเครื่องปรุงอเนกประสงค์ ตอบโจทย์ความต้องการเพิ่มรสชาติที่เผ็ดร้อนและสัมผัสกรุบกรอบเข้ากับอาหารทุกประเภท ไม่ว่าจะโรยข้าว ผสมกับบะหมี่ หรือแม้กระทั่งใช้เป็นท็อปปิ้งในอาหารฟิวชั่น ผลิตภัณฑ์นี้จึงกลายเป็นไอเทมที่หลายคนต้องมีติดบ้าน ช่วยเพิ่มสีสันให้มื้ออาหารได้อย่างง่ายดาย
ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ทาง NRF ได้มุ่งดำเนินกลยุทธ์ด้านการบริหารและขยายธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสังคม และรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป ในฐานะผู้นำที่ดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืน จนได้รับการยอมรับในระดับประเทศและสากล ได้แก่ คะแนนระดับยอดเยี่ยม (5 ดาว) จากการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2024 (CGR 2024) ที่สะท้อนถึงความเป็นเลิศด้านบรรษัทภิบาล และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รวมถึงคว้ารางวัลใหญ่อื่น ๆ ด้านความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น Climate Action Leading Organization (CALO) ประจำปี 2024 ซึ่งได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยบทบาทของการเป็นองค์กรชั้นนำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก รวมถึง UN Women 2024 Thailand WEPs Awards ในหมวด Transparency and Reporting ที่มอบให้แก่องค์กรที่มีบทบาทในการส่งเสริมความโปร่งใส และสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ
จากการวางแผนกลยุทธ์ที่มีความชัดเจนและการดำเนินงานที่มุ่งมั่น บริษัทฯ ยังคงมีความมั่นใจในทิศทางการเติบโตอย่างเต็มที่ ตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในช่วงต้นปี ด้วยการขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดที่สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของตลาด รวมถึงการพัฒนาและขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตและการขยายตัวในอนาคต ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนและการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการหาช่องทางใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มรายได้และขยายฐานลูกค้าในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร บริษัทฯ จึงพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้อย่างมั่นคง
ที่มา: เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์