ตามรายงานระบุว่า ผู้จัดจำหน่ายโมดูลหน่วยความจำชั้นนำของโลก 10 อันดับแรก มีส่วนแบ่งตลาดรวมกัน 93% ในปี 2566 โดย Kingston ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 68.8% ทั้งนี้ การชะลอตัวของตลาดเกิดจากการปรับลดสินค้าคงคลังในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค เพื่อตอบรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการระบาดใหญ่ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยิ่งได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตที่สูงเกินกว่าความต้องการของตลาดจากกลุ่มซัพพลายเออร์ DRAM ส่งผลให้ราคาปรับลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ตลาดได้เริ่มกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 และแม้ว่าความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภคจะลดลงหลังการระบาดใหญ่ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของ Kingston และเครือข่ายตลาดที่ครอบคลุมในแต่ละภูมิภาค ทำให้บริษัทสามารถลดผลกระทบจากการชะลอตัวของรายได้ และรักษาตำแหน่งสูงสุดในตลาดอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2566 Kingston ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้วยการเปิดตัว Kingston FURY Renegade Pro DDR5 RDIMM ซึ่งเป็นหน่วยความจำ DDR5 ระดับเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถโอเวอร์คล็อกได้ ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของแอปพลิเคชันยุคใหม่ ตอบโจทย์ครีเอเตอร์ ผู้ใช้ในกลุ่มวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ข้อมูล นอกจากนี้ หน่วยความจำ Kingston Server Premier DDR5 ความเร็ว 4800MT/s ที่ความจุ 64GB 32GB และ 16GB ยังผ่านการรับรองสำหรับการใช้งานร่วมกับโปรเซสเซอร์ Intel(R) Xeon(R) Scalable รุ่นที่ 4 (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sapphire Rapids) โดย Kingston ยังได้ปรับโฉมหน่วยความจำ Kingston FURY Renegade DDR4 ด้วยดีไซน์ชุดกระจายความร้อนสีทูโทนอันโดดเด่น และเมื่อต้นปี 2566 บริษัทได้ฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญด้วยการจัดส่งโมดูลที่สามารถโอเวอร์คล็อกได้กว่า 100 ล้านชิ้น
Kingston กล่าวว่า "ผลการวิเคราะห์จาก TrendForce ประจำปี 2566 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความท้าทาย ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำสถานะที่โดดเด่นของ Kingston ในตลาด แต่ยังแสดงถึงความสามารถในการปรับตัวและบทบาทสำคัญของบริษัทในอุตสาหกรรม โดยเรารู้สึกภูมิใจที่สามารถครองตำแหน่งอันดับสูงสุดไว้ได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 21 ปีติดต่อกัน"
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดตรวจสอบที่เว็บไซต์ kingston.com
ที่มา: Vero