นายกัมปนาท มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจข้าวไทยยังคงมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในตลาดพรีเมียมอย่างข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งได้รับการยอมรับในคุณภาพระดับโลก อย่างไรก็ตาม ธุรกิจข้าวต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น การแข่งขันจากประเทศคู่แข่ง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ดังนั้นการปรับตัวด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต การพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพของผู้บริโภค เช่น ข้าวออร์แกนิก ข้าวลดน้ำตาล ผลิตภัณฑ์ข้าวที่ง่ายต่อการบริโภค และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาดพรีเมียม จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจข้าวไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
"ผู้บริโภคยุคนี้ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความยั่งยืน หงษ์ทองได้พัฒนาข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% ตรงหงษ์ทอง Limited Edition ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านรสชาติและกลิ่นหอม แต่ยังใส่ใจในแหล่งที่มาและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นด้านการพัฒนากระบวนการผลิต ภายใต้โครงการหงษ์ทองนาหยอด ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2557 เป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าวจากระบบหว่านแบบเดิม มาสู่กระบวนการนาหยอด ที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น และยังทำให้ต้นข้าวแตกกอได้ดี ลดการใช้น้ำ และช่วยให้ต้นข้าวเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมควบคุมคุณภาพด้วยการใช้ เมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ ที่ผ่านการคัดเลือกและวิจัยมากว่า 15 ปี
นอกจากนี้ หงษ์ทองยังได้นำเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ เข้ามาช่วยตรวจสอบความสมบูรณ์ของแปลงนาในทุกขั้นตอน โดยข้อมูลที่ได้รับจากระบบนี้สามารถช่วยให้เกษตรกรแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ได้ข้าวหอมมะลิที่มีความพิเศษทั้งด้านกลิ่นหอมที่โดดเด่นและเนื้อสัมผัสที่นุ่มลิ้นที่สุด ส่วนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้รับเมล็ดพันธุ์คุณภาพสูงในราคาประหยัด รวมถึงการสนับสนุนสินเชื่อปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยเคมี และการรับซื้อผลผลิตในราคาสูงกว่าตลาดทั่วไปถึง 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งในปีการผลิต 2567/68 มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 35,100 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 15% และมีการสนับสนุนทางการเงินรวมกว่า 21 ล้านบาท ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตและมีรายได้ที่มั่นคงอย่างแท้จริง"
ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ความใส่ใจในคุณภาพและที่มาของสินค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ หงษ์ทองจึงมุ่งใช้กลยุทธ์ "สินค้าแทนคุณค่า" โดยมอบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้เป็นแค่ข้าวหอมมะลิ แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความใส่ใจและความตั้งใจของผู้บริโภคในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับครอบครัว
"ข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% ตรงหงษ์ทอง Limited Edition สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของหงษ์ทองในการสร้างความยั่งยืน ทั้งในด้านคุณภาพสินค้า การส่งเสริมเกษตรกร และการยกระดับมาตรฐานข้าวไทย เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นผู้นำในตลาดข้าวระดับโลกต่อไป ในปี 2024 นี้ หงษ์ทองยังคงเน้นการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดพรีเมียม และขยายฐานผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอสินค้าคุณภาพและการสนับสนุนเกษตรกรผ่านโครงการที่ยั่งยืน ซึ่งบริษัทสามารถรักษายอดขายได้อย่างแข็งแกร่ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดข้าวพรีเมียมของไทย แม้ว่าจะมีการแข่งขันจากผู้ประกอบการรายอื่นและปัจจัยเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รายได้ของตลาดในประเทศยังมีการเติบโตขึ้นประมาณ 3% ซึ่งสะท้อนถึงการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคต่อสินค้าและการทำตลาดของเรา ส่วนในปี 2025 หงษ์ทองจะมุ่งขยายฐานลูกค้าภายในประเทศ โดยพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุขภาพ พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าชุมชนและแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ผู้บริโภค ตั้งเป้าให้รายได้ในตลาดในประเทศเติบโตไม่น้อยกว่า 5% ผ่านการเน้นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มและการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น" นายกัมปนาท กล่าวเพิ่มเติม
ข้าวหงษ์ทอง ไม่ได้เป็นเพียงข้าวหอมมะลิเกรดพรีเมียมเท่านั้น แต่คือความใส่ใจที่ส่งมอบให้กับทุกครอบครัวในช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดของปี ด้วยคุณภาพที่โดดเด่น กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ และสัมผัสที่นุ่มละมุน ทุกกระบวนการผลิตสะท้อนถึงความตั้งใจในความยั่งยืนและการพัฒนาชีวิตของเกษตรกรอย่างแท้จริง หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว ความพิเศษนี้จึงไม่ควรพลาดสำหรับทุกครอบครัวที่ต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
ข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% ตราหงษ์ทอง Limited Edition มีจำหน่ายแล้ว ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และช่องทางออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ข้าวหงษ์ทอง, TikTok Shop, Shopee และ Lazada
ที่มา: เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง