กทม. เพิ่มมาตรการเชิงรุกป้องกันโรคอุจจาระร่วงช่วงฤดูหนาว ดูแลสุขภาพนักเรียนอย่างใกล้ชิด

เสาร์ ๐๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ ๑๒:๐๘
นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงแนวทางและมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอุจจาระร่วงแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สนศ. ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของเด็กนักเรียน กทม. ทั้ง 437 โรงเรียน ในพื้นที่ 50 เขต โดยกำชับให้กระบวนการปรุงอาหาร ให้แก่นักเรียน ครูและบุคลากรถูกหลักอนามัย เป็นอาหารที่ปรุงสุก ใหม่ มีภาชนะใส่ หรือบรรจุอาหารที่สะอาดและป้องกันแมลงนำโรค หากพบผู้ป่วย หรือการการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโนโรไวรัสและโรต้าไวรัสในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการอุจจาระร่วง ให้โรงเรียนรายงานสถานการณ์พบการติดเชื้อ พร้อมทั้งกำชับให้โรงเรียนเฝ้าระวังและสังเกตอาการของนักเรียนอย่างใกล้ชิด และดำเนินการตามมาตรการทางการแพทย์และการสาธารณสุข ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่แจ้งให้โรงเรียนในสังกัด กทม. ทราบ และดำเนินการตามหนังสือ กทม. ด่วนมาก ที่ กท 0808/ว 196 ลงวันที่ 17 ต.ค. 67 เรื่อง การเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ของโรงเรียนในสังกัด กทม. โดย สนศ. ได้กำหนดมาตรการความปลอดภัยการตรวจสอบความพร้อมของอาคารเรียน ห้องเรียน เครื่องเล่นเด็ก ด้านสภาพแวดล้อม ความสะอาด สุขาภิบาล วัสดุการเรียนการสอน รวมทั้งให้สำนักงานเขตกำกับดูแลโรงเรียนในสังกัด โดยดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในสถานศึกษาเป็นประจำอย่างเนื่อง
กทม. เพิ่มมาตรการเชิงรุกป้องกันโรคอุจจาระร่วงช่วงฤดูหนาว ดูแลสุขภาพนักเรียนอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ได้ประสานสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. และสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. เกี่ยวกับมาตรการและแนวทางการเฝ้าระวังและดูแลนักเรียน วิธีการสังเกตอาการของโรค แนวทางป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัสและโรต้าไวรัส และวิธีการปฏิบัติตนเมื่อมีอาการอุจจาระร่วง โดยได้จัดทำแนวทางและแผนเผชิญเหตุ เวียนแจ้งให้โรงเรียนในสังกัดทราบ เพื่อดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการป้องกันโรค รวมทั้งดูแลรักษาและการส่งต่อ ตลอดจนขอความร่วมมือสำนักงานเขตต้นสังกัดโรงเรียนดำเนินการและปฏิบัติตามคู่มือแนวทาง การจัดการอาหารปลอดภัยในสถานศึกษา โดยบูรณาการบุคลากร/เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกตรวจประเมินการจัดการอาหารและอาหารเสริม (นม) ในโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่าตามหลักโภชนาการ สอดคล้องกับระบบ Thai School Lunch for BMA และควบคุมดูแลให้เป็นไปตามแนวทางการจัดการอาหารปลอดภัยในสถานศึกษา รวมทั้งกำหนดแผนบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อให้การสื่อสารและประสานงานเป็นไปด้วยความสะดวกและรวดเร็ว รวมทั้งเตรียมความพร้อมสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจากสถานพยาบาลในพื้นที่เขตซึ่งอยู่ใกล้บริเวณโรงเรียน สนับสนุนพื้นที่สถานศึกษาให้เป็นสถานที่เผยแพร่ความรู้สู่ชุมชนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรค

นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอุจจาระร่วงในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 1 ม.ค.-3 พ.ย. 67 จำนวน 79,152 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 1,446.6 รายต่อแสนประชากร ยังไม่พบผู้เสียชีวิต และพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะในสถานศึกษา

สำหรับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วง ที่พบบ่อยคือ โรต้าไวรัสและโนโรไวรัส ซึ่งจะแพร่ระบาดมากขึ้นในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ตั้งแต่เดือน ธ.ค. - มี.ค. หากอากาศเย็นจะมีแนวโน้มแพร่ระบาดมากขึ้น ทั้งนี้ โรต้าไวรัสสามารถติดเชื้อได้ทุกวัย โดยเฉพาะเด็กเล็กต่ำกว่า 2 ปี จะมีอาการเด่นชัด เริ่มจากเป็นไข้ อาเจียน และท้องเสียถ่ายเป็นน้ำ ซึ่งทำให้ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล มีอัตราเสียชีวิตต่ำ ปัจจุบันมีวัคซีนในแผนการให้วัคซีนแห่งชาติ โดยเริ่มให้วัคซีนตั้งแต่อายุ 2 เดือน ให้ 2-3 ครั้ง จนครบอายุ 6 เดือน เพื่อลดความรุนแรงของโรค อย่างไรก็ตาม เชื้อดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลาและพบการระบาดได้ ซึ่งการติดเชื้ออาจเกิดขึ้นได้ แต่ความรุนแรงจะน้อยลง เนื่องจากมีภูมิต้านทานจากวัคซีน ส่วนโนโรไวรัสพบการระบาดทุกปี โดยเฉพาะในฤดูหนาว อาการของโรคคล้ายกับอาหารเป็นพิษและเกิดเป็นกลุ่มก้อนได้โดยเฉพาะในโรงเรียน โรคดังกล่าวไม่มียารักษา สามารถรักษาด้วยการประคับประคองไม่ให้ขาดน้ำ โดยปกติอาการจะดีขึ้นใน 2-3 วัน

การรักษาผู้ที่มีอาการอุจจาระร่วงให้ดื่มสารละลายเกลือแร่ (โออาร์เอส) เพื่อป้องกันภาวะช็อกและเสียชีวิตจากการขาดน้ำและเกลือแร่ แต่ไม่แนะนำให้ดื่มเกลือแร่สำหรับออกกำลังกาย เนื่องจากมีน้ำตาลปริมาณสูงจะดึงเอาน้ำเข้าสู่ทางเดินอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ลำไส้บีบตัว และอาจเกิดอาการอุจจาระร่วงมากขึ้น หากไม่มีสารละลายเกลือแร่ สามารถทำได้เองโดยผสมน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือแกงครึ่งช้อนชา ละลายในน้ำสะอาด 750 ซีซี จิบทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง ทั้งนี้ สนอ. ได้รณรงค์ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่เด็กนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม. รวมถึงประชาชนเกี่ยวกับวิธีการสังเกตอาการของโรค แนวทางป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัสและโรต้าไวรัส ตลอดจนวิธีการปฏิบัติตนเมื่อมีอาการอุจจาระร่วง เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพและลดการแพร่ระบาดของโรค

ที่มา: กรุงเทพมหานคร

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ