กทม. เตรียมพร้อมฉีดวัคซีน 'หัด-ไอกรน-HPV' - กำชับป้องกันไข้หวัดใหญ่-โควิด 19 ช่วงปีใหม่

ศุกร์ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๗ ๑๖:๑๑
นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวกรณีที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2567 พิจารณาเห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการเพิ่มความครอบคลุมของวัคซีนในโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ได้แก่ โรคหัด โรคไอกรน รวมทั้งสานต่อการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ว่า กทม. ได้เตรียมความพร้อมของสถานพยาบาลในสังกัดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันควบคุมโรคหัด โรคไอกรน และวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) พร้อมให้ความรู้ ข้อแนะนำแก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพ รวมถึงสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้องป้องกันโรคเบื้องต้น ทั้งนี้ โรคติดต่อสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ โรคหัด แนะนำผู้ปกครองพาเด็กเล็กเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคหัดให้ครบตามกำหนด โรคไอกรน แนะนำพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคไอกรนตามกำหนด สำหรับเด็กควรรับวัคซีน DTP อย่างน้อย 3 เข็ม และควรฉีดให้หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป ส่วนโรคมะเร็งปากมดลูก แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งจะเป็นการให้เข็มที่ 2 ในกลุ่มเป้าหมายอายุ 11 - 20 ปี ที่เคยฉีดเข็มที่ 1 มาแล้ว และให้วัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ เป็นเข็มที่ 1 สำหรับนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (ป. 5) ปีการศึกษา 2567 เดือน ม.ค. - ก.พ. 68 (ก่อนปิดภาคเรียน) สำหรับกลุ่มเป้าหมายนอกเหนือจากนักเรียนหญิงชั้น ป. 5 ที่ยังไม่ได้รับการฉีดเข็มที่ 1 จะให้บริการในเดือน มี.ค. - เม.ย. 68
กทม. เตรียมพร้อมฉีดวัคซีน 'หัด-ไอกรน-HPV' - กำชับป้องกันไข้หวัดใหญ่-โควิด 19 ช่วงปีใหม่

ขณะเดียวกัน สนพ. ได้เตรียมมาตรการเฝ้าระวังพร้อมจัดทำแนวทางการดำเนินงานควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในช่วงเทศกาลปีใหม่ และภัยสุขภาพต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยสั่งการให้ทุกโรงพยาบาลในสังกัด กทม. เฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาด รวมถึงดำเนินการวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้องตามแนวทางการรักษาของโรค และจัดการสำรองยาให้เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วย พร้อมจัดเตรียมวัคซีนป้องกันควบคุมโรคในฤดูหนาว ได้แก่ โรคหัด โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดอักเสบ และโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อไวรัส ให้กับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง

นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวว่า สนอ. จัดให้บริการวัคซีนในกลุ่มนักเรียนหญิงไทยชั้น ป. 5 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (ม. 6) หรือเทียบเท่า ในรูปแบบวัคซีนนักเรียน (School-based vaccination) และให้บริการวัคซีนในนักเรียนหญิงไทยชั้น ป. 6 ถึงชั้น ม. 6 และหญิงไทยอายุ 12-20 ปี ทั้งในและนอกระบบการศึกษา ในรูปแบบ Walk in ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ทุกวันพุธ เวลา 13.00-15.00 น. รวมถึงเตรียมความพร้อมให้บริการฉีดวัคซีน HPV ในกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงไทยอายุ 11-20 ปี ที่เคยรับวัคซีนเข็มที่ 1 มาแล้ว ทั้งในรูปแบบวัคซีนนักเรียนที่โรงเรียน และในรูปแบบ Walk in ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงการรับบริการได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุม ส่วนนักเรียนหญิงชั้น ป. 5 ในโรงเรียนทุกสังกัดในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลและความประสงค์ในการเข้ารับวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ จำนวนคนละ 1 เข็ม ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โรคไข้หวัดใหญ่ โดยให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างหมั่นล้างมือ รวมถึงเฝ้าสังเกตอาการตนเอง 7 วันหลังเดินทางกลับจากท่องเที่ยวเทศกาลปีใหม่ หลีกเลี่ยงสัมผัสกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง รวมทั้งได้ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก โรคโควิด 19 และโรคไข้หวัดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างใกล้ชิด โดยศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. 69 แห่งได้จัดเตรียมยา เวชภัณฑ์ในการให้บริการอย่างเพียงพอ พร้อมจัดเตรียมทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) เพื่อสอบสวนและควบคุมโรคกรณีเกิดการระบาดของโรค

นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวว่า ในส่วนของการดูแลนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม. สนศ. ได้ซักซ้อมมาตรการตรวจสุขภาพนักเรียนประจำปีการศึกษา 2567 โดยส่งใบขออนุญาตดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพนักเรียนเพื่อขออนุญาตผู้ปกครองก่อนการดำเนินการ ภายใต้การให้บริการของ สนอ. และหน่วยบริการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในรายการการตรวจสุขภาพนักเรียน ได้แก่ การตรวจสุขภาพตามเกณฑ์ เช่น การตรวจคัดกรองร่างกายทุกระบบ ตรวจคัดกรองสายตา (ป.1-ป.6) และประเมินภาวะโภชนาการ เป็นต้น การตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจาง โดยการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว (ชั้น ป.3 ทุกคน และ ม.2 เฉพาะเพศหญิง) ตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจาง โดยการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว (เฉพาะปีการศึกษา 2567 ชั้น ป.4-6 ทุกคน) การเก็บตกวัคซีนในนักเรียนชั้น ป.1 ที่ได้รับไม่ครบตามเกณฑ์ การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีน ได้แก่ วัคซีน HPV ลดเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก (ชั้น ป.5 เฉพาะเพศหญิง) วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก (ชั้น ป.6 ทุกคน) และวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล (เฉพาะปีการศึกษา 2567 ชั้น ป. 1-3 ทุกคน) เป็นต้น ทั้งนี้ สนศ. ได้ประสานหน่วยบริการสาธารณสุขให้นักเรียนรับวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ และมะเร็งปากมดลูก (HPV) ในนักเรียนหญิงชั้น ป. 5 ที่ตกค้าง ให้ครบ 2 เข็ม ตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นมา ซึ่งแผนการให้วัคซีนแก่นักเรียนหญิง ป.5 ที่ตกค้าง ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องระหว่างปี 66-67 รวมทั้งกำหนดแผนบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการสื่อสารและประสานงาน การเตรียมความพร้อมสถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจากสถานพยาบาลในพื้นที่ ซึ่งอยู่ใกล้โรงเรียน เพื่อสนับสนุนพื้นที่ในโรงเรียนเป็นสถานที่ให้วัคซีนแก่เด็กนักเรียน ตลอดจนเผยแพร่ความรู้สู่ชุมชนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรค

นอกจากนี้ ได้สำรวจข้อมูลสถานการณ์การเจ็บป่วยตามฤดูกาลและการระบาดของผู้ป่วยโรคไอกรน โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคโควิด 19 ในโรงเรียนสังกัด กทม. ทั้ง 437 โรงเรียน ผ่าน Google Form ซึ่งเป็นมาตการเชิงรุกตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อทราบข้อมูลเชิงพื้นที่รายโรงเรียนแบบทันท่วงที หากพบกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วย หรือการระบาดของโรค กำหนดให้โรงเรียนรายงานจำนวนนักเรียนที่มีความเสี่ยง หรือพบการติดเชื้อ พร้อมกำชับให้โรงเรียนเฝ้าระวังและสังเกตอาการของนักเรียนและดำเนินการตามมาตรการทางการแพทย์และการสาธารณสุข รวมทั้งกำหนดแผนบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ มีการสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจการเข้ารับวัคซีน ทั้งผู้ปกครอง นักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของ กทม. รวมทั้งผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียน เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ขณะเดียวกันยังประสานบุคลากรจากสถานพยาบาลร่วมชี้แจงสิทธิการรักษา การเข้ารับวัคซีนในวันประชุมผู้ปกครองและนักเรียน ตลอดจนสนับสนุนพื้นที่ภายในโรงเรียนให้เป็นสถานที่เผยแพร่ความรู้สู่ชุมชนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและให้เป็นสถานที่สำหรับการบริการทางเลือก เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียน ครู ผู้ปกครอง บุคลากร และประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนโดยรอบโรงเรียนเข้ารับบริการฉีดวัคซีนจากสถานพยาบาลสังกัด กทม.

ที่มา: กรุงเทพมหานคร

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ