ดร. กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิต ได้รับแจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายรถจักรยานยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด มีลักษณะการขายแบบเก็บเงินปลายทาง จึงได้เข้าตรวจสอบที่โกดังแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก โดยได้บูรณาการร่วมกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพื่อเข้าจับกุม จากการตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์จิ๋ว ขนาด 50cc จำนวน 260 คัน รถจักรยานยนต์วิบาก ขนาด 50cc จำนวน 590 คัน ที่ยังไม่ได้ชำระภาษีสรรพสามิตคิดเป็นภาษีสรรพสามิตเป็นเงิน 718,680 บาท พบผู้แสดงตนเป็นเจ้าของให้การว่า ได้นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาจากประเทศจีน และยังไม่ได้ชำระภาษีสรรพสามิตแต่อย่างใด จึงได้แจ้ง ข้อกล่าวหาผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 204 มีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้า ที่มิได้เสียภาษี จึงได้นำตัวไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจภูธรบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และทำการเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 3,593,400 บาท
ดร. กุลยา กล่าวเพิ่มเติมว่า การจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายในครั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้ บูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จนสามารถจับกุมรถจักรยานยนต์ที่มิชอบด้วยกฎหมายได้สำเร็จ ซึ่งปัจจุบันกรมสรรพสามิตได้ยกระดับการทำงาน ด้วยการ บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งยกระดับการทำงานเชิงรุก ด้วยการเปิด ศูนย์ปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อปราบปรามและจับกุมขบวนการผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560
หากประชาชนท่านใดที่พบการกระทำผิดกฎหมาย สามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศหรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th ซึ่งกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ