WTM 2024 ในปีนี้ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือระดับโลกเพื่อเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวให้มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Positive Tourism ที่ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และเน้นการสร้างผลลัพธ์เชิงบวก ผ่านการสัมมนาและการเสวนาต่าง ๆ เช่น The Collaborative Journey to Net Zero Positive Tourism, The Great Uncertainty: Planning in a Changing World และ The Global Pathway to an Inclusive Future: Going From "Say" to "Do" ที่ช่วยสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจากการวางแผนเชิงกลยุทธ์สู่การปฏิบัติจริง โดยทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมได้รับการสนับสนุนให้มองเห็นว่าการท่องเที่ยวเชิงยั่งยืนนั้นไม่เพียงแค่ช่วยให้ธุรกิจมีความมั่นคง แต่ยังช่วยสร้างผลกระทบที่ดีต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
WTM 2024 ครั้งนี้ได้จัดเวทีเสวนาที่หลากหลาย ครอบคลุมประเด็นทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ Embracing a Circular Economy Addresses Climate Change และ Preventing the Destructive Peaks of Mass Tourism ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและการลดของเสียที่เกิดจากการท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันหัวข้อ Aviation Trends: A Reflection on the Past, Present ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมเห็นถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการปรับเปลี่ยนการท่องเที่ยวในอนาคตให้ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
หนึ่งในประเด็นที่มีความสำคัญในงานครั้งนี้ คือการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงฟื้นฟู (Regenerative Tourism) ซึ่งเน้นถึงการสร้างการท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยในหัวข้อ "Sustainability Summit - The Rise of Regenerative Tourism" ได้กล่าวถึงแนวทางการท่องเที่ยวที่ช่วยคืนคุณค่าให้กับชุมชนและระบบนิเวศ พร้อมทั้งลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกัน หัวข้อ "The Future of Regenerative Tourism" ยังได้เน้นถึงการสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่สิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างแท้จริง
การสัมมนาในหัวข้อ "Radical Stakeholder Engagement - Collaborating with Place, Community, and Nature"เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างนักท่องเที่ยว ชุมชน และผู้ประกอบการ เพื่อสร้างการท่องเที่ยวที่มีความสมดุลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยให้ทุกภาคส่วนมีบทบาทในการพัฒนาอย่างเท่าเทียมและร่วมกัน
การท่องเที่ยวแบบ Carbon Neutral และ Net Zero ได้กลายเป็นแนวทางสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก โดยเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการท่องเที่ยวให้เหลือศูนย์หรือเท่ากับศูนย์สุทธิ (Net Zero) ผ่านเครื่องมือ กระบวนการ นวัตกรรม เทคโนโลยี และมาตรการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม งาน WTM 2024 ครั้งนี้ทำให้ผู้แทนไทยสามารถนำเสนอแนวทางและนโยบายในการพัฒนาโปรแกรมการท่องเที่ยวแบบ Carbon Neutral และ Net Zero โดยให้ความสำคัญทั้งในแง่ของการตลาดเพื่อสร้างรายได้และในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ
นอกจากการประชุมภายในงาน WTM 2024 คณะผู้แทนจากไทย ประกอบด้วย ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว., ผศ.อนพัทย์ หนองคู ผู้ประสานงานแผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข., ดร.ชื่นนภา นิลสนธิ ผู้ช่วยผู้ประสานงานฯ , รศ.ดร.ศิวฤทธิ์ พงศกรรังศิลป์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ , ผศ.ดร.พิมพลภัส พงศกรรังศิลป์ คณบดีสำนักวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ , ผศ.ดร.รัชพงษ์ กลิ่นศรีสุข คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล , คุณภคมน สุภาพพันธ์. ผู้อำนวยการ สำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ อบก. , คุณพวงพันธ์ ศรีทอง ผู้จัดการ สำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ อบก., คุณนิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น ผู้ก่อตั้ง trekking THAI และอุปนายกสมาคมการค้าเครือข่ายท่องเที่ยวเชิงนิเวศเอเชีย (AEN) และ Mr.Peter Richards International Partnerships Coordinator และนักวิจัยทีม TOGETHER NZT Project (Net Zero Tourism) by Thailand's TSRI, PMUC & Partners และคุณศิราณี อนันตเมฆ ที่ปรึกษาสมาคมท่องเที่ยวเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ยังได้พบปะและพูดคุยกับองค์กรนานาชาติที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เช่น Azores, Planetera, Travel Foundation, และ Travelife Partner เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางปฏิบัติในการลดคาร์บอนจากกิจกรรมการท่องเที่ยว การพบปะและสร้างเครือข่ายเหล่านี้ช่วยให้ประเทศไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและแนวทางที่สามารถนำมาปรับใช้ได้จริงในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และยั่งยืนที่เน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การเข้าร่วมงาน World Travel Mart 2024 (WTM 2024) ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้คณะผู้แทนไทยได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนแนวคิดกับผู้นำในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากทั่วโลก การสัมมนาและเวทีเสวนาหลากหลายหัวข้อได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ และนำเสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน ทั้งการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง การพัฒนาการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) และการมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ซึ่งจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนได้อย่างยั่งยืน การพบปะและสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศยังช่วยเสริมสร้างพันธมิตรที่สำคัญสำหรับอนาคตของการท่องเที่ยวไทย คณะผู้แทนไทยตั้งเป้าที่จะนำความรู้และแนวทางที่ได้จากงานในครั้งนี้กลับมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศให้ก้าวหน้า ตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมยกระดับให้การท่องเที่ยวไทยก้าวไปสู่มาตรฐานสากลอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ คณะผู้แทนไทย ยังได้ศึกษาดูงานด้านการท่องเที่ยวที่มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Tourism) หลังเข้าร่วมงาน WTM 2024 ด้วยความร่วมมือจาก Visit Scotland
ภายหลังการเข้าร่วมงาน World Travel Mart 2024 (WTM 2024) ณ กรุงลอนดอน คณะผู้แทนไทยซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานสำคัญ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.), หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.), องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) , สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) และคณะทำงาน TOGETHER NZT Project (Net Zero Tourism) by Thailand's TSRI, PMUC & Partners ยังได้เดินทางไปยังเมืองลีดส์และเมืองเอดินบะระ สหราชอาณาจักร เพื่อศึกษาดูงานจากองค์กรที่มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยมี Visit Scotland เป็นผู้ประสานงานที่สำคัญ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกและติดต่อประสานงานกับองค์กรต่างๆ เพื่อให้คณะผู้แทนไทยได้เข้าชมและหารือร่วมกันกับผู้บริหารสถานประกอบการที่เป็นตัวอย่างการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
การศึกษาดูงานครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้คณะผู้แทนไทยได้เรียนรู้แนวทางและเทคนิคในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรที่ Visit Scotland ติดต่อให้คณะผู้แทนไทยได้เยี่ยมชมหน่วยงานสำคัญของสก็อตแลนด์ 4 องค์กร ได้แก่ Port of Leith Distillery ในเมืองลีดส์, Camera Obscura, Mercat Tours และ Dynamic Earth ในเมืองเอดินบะระ ซึ่งล้วนเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับการมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ประกอบด้วย
- โรงกลั่น Port of Leith ในเมืองลีดส์ ประเทศสกอตแลนด์ เป็นหนึ่งในธุรกิจต้นแบบที่มุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต การออกแบบกระบวนการที่ประหยัดพลังงาน และการลดปริมาณการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ Port of Leith ใส่ใจทุกขั้นตอนตั้งแต่การจัดหาและเลือกใช้วัตถุดิบไปจนถึงการบรรจุภัณฑ์ โดยเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อลดของเสียและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โรงกลั่นนี้ยังมีมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยคงไว้ซึ่งคุณภาพมาตรฐานที่สูง ซึ่งทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดี พร้อมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานของ Port of Leith จึงเป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับธุรกิจได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นแนวทางที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในประเทศไทยสามารถนำไปปรับใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคุณค่าเชิงบวกให้กับชุมชน
- Camera Obscura & World of Illusions เป็นพิพิธภัณฑ์เชิงประสบการณ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งโดดเด่นด้วยการนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครผ่านเทคนิคแสงและภาพลวงตาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่เพียงมีชื่อเสียงด้านการจัดแสดงที่สร้างความสนุกสนานและเสริมสร้างจินตนาการ แต่ยังเป็นต้นแบบของการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการรีไซเคิลอย่างครอบคลุม ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง Camera Obscura มุ่งมั่นลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน พร้อมทั้งส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการจัดแสดงและกิจกรรมที่กระตุ้นความตระหนักในประเด็นสิ่งแวดล้อมโดยตรงกับผู้เข้าชม พิพิธภัณฑ์นี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังช่วยเสริมสร้างความรู้และจิตสำนึกในการดูแลสิ่งแวดล้อม
- Mercat Tours เป็นบริษัททัวร์ที่ตั้งอยู่ในเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ โดดเด่นด้วยการนำเสนอประสบการณ์ทัวร์แบบเดินเท้าที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากการเดินทาง และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสบรรยากาศและเรื่องราวของเมืองอย่างลึกซึ้ง โปรแกรมทัวร์ของ Mercat Tours มีตั้งแต่การสำรวจประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ไปจนถึงเรื่องราวลึกลับของเอดินบะระ โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้และการเชื่อมโยงกับท้องถิ่นอย่างแท้จริง นอกจากนี้ Mercat Tours ยังมีนโยบายการแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ทั้งในรูปแบบของการอนุรักษ์สถานที่สำคัญและการส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาชุมชน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืน Mercat Tours จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ผสมผสานการพัฒนาธุรกิจเข้ากับการดูแลสิ่งแวดล้อมและการสนับสนุนชุมชน
- ศูนย์การเรียนรู้ Dynamic Earth ตั้งอยู่ในเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ เป็นศูนย์การศึกษาและการท่องเที่ยวเชิงวิทยาศาสตร์ที่มุ่งเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและวิวัฒนาการของโลกอย่างลึกซึ้ง ผ่านการนำเสนอที่น่าตื่นตาตื่นใจและเทคโนโลยีล้ำสมัย ศูนย์แห่งนี้ใช้การจำลองสภาพภูมิประเทศ เสียง และภาพเคลื่อนไหวเพื่อพาผู้เข้าชมย้อนเวลากลับไปสำรวจโลกตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน Dynamic Earth มีจุดเด่นในเรื่องของการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพภายในอาคาร โดยติดตั้งระบบประหยัดพลังงานและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ศูนย์ฯ ยังมีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ทั้งการจำลองการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ การให้ความรู้เรื่องพลังงานทดแทน และการส่งเสริมการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ Dynamic Earth ไม่เพียงเป็นแหล่งความรู้ที่กระตุ้นให้ผู้เข้าชมเกิดความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจที่ช่วยเสริมสร้างจิตสำนึกในการปกป้องโลกอย่างยั่งยืน
การศึกษาดูงานในครั้งนี้ ทำให้คณะผู้แทนไทยได้เรียนรู้ถึงวิธีการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในการพัฒนาโปรแกรมและแพ็กเกจการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ สกสว. บพข. ได้รับแนวทางในการสนับสนุนและวิจัยด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ส่วน อบก. สามารถนำหลักการและแนวปฏิบัติที่ได้เรียนรู้มาปรับใช้ในการออกระเบียบวิธีหรือกลไกเพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ขณะที่นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งภาคเอกชนสามารถใช้ข้อมูลที่ได้รับมาปรับกลยุทธ์และเสนอโครงการท่องเที่ยวที่ตอบสนองต่อนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
การเดินทางศึกษาดูงานในครั้งนี้ เปิดมุมมองใหม่ให้แก่คณะผู้แทนไทยในการพัฒนาและยกระดับการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ควบคู่กับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่สำคัญระหว่างประเทศไทยและสหราชอาณาจักร โดยความช่วยเหลือและการประสานงานของ Visit Scotland ที่อำนวยความสะดวกและช่วยติดต่อกับองค์กรสำคัญต่างๆที่นับเป็นต้นแบบการบริหารจัดการ Net Zero ชั้นแนวหน้า ทำให้คณะผู้แทนไทยได้รับประสบการณ์ตรงจากการดูงาน ซึ่งจะนำไปสู่การสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวไทยให้ตอบสนองต่อตลาดการท่องเที่ยวที่เน้นความยั่งยืน พร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการเติบโตของชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง
คณะผู้แทนไทยตั้งเป้าหมายที่จะนำความรู้และบทเรียนที่ได้จากการศึกษาดูงาน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เชิงวิชาการจากฐานการวิจัยในครั้งนี้มาประยุกต์ใช้สนับสนุนความร่วมมือขององค์กรภาคีเครือข่ายของประเทศไทยที่ได้มีการประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวที่มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ของ 4 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม / กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา / กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม / กระทรวงการต่างประเทศ และภาคีจาก 14 หน่วยงาน ได้แก่ สกสว. / บพข. / ททท. / อพท. / สสปน. / อบก. / หอการค้าไทย / TEATA / กรมการท่องเที่ยว / กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ / กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม / ATTA / THA / TICA เพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการของประเทศไทยบนฐานคุณค่าทางเศรษฐกิจที่เน้นความยั่งยืนทางสังคม/ชุมชนและสิ่งแวดล้อมของไทยต่อไป
ที่มา: โมเดิร์นเทียร์