"PROSPECT REIT" เตรียมความพร้อมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน เพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอาคารคลังสินค้าและโรงงานสำเร็จรูป ในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1 บางนา-ตราด กม.23 โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2 ถนนเทพารักษ์ และโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 บางนา-ตราด กม.19 ที่มีจุดเด่นหลากหลาย ทั้งเป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูง ทำเลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางการประกอบอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของประเทศ มีพื้นที่ Free Zone ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้เช่า คุณภาพอาคาร ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์มีความเชี่ยวชาญ และช่วยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกรรมสิทธิ์ของกองทรัสต์ รวมถึงหนุนประมาณจ่ายประโยชน์ตอบแทนในปีแรก เพิ่มขึ้นเป็น 10.6%
นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT REIT เตรียมลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 เพื่อเพิ่มศักยภาพการสร้างรายได้และผลตอบแทนของกองทรัสต์ฯ จากการขยายการลงทุนในทรัพย์สินกลุ่มอุตสาหกรรม โดยจะลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอาคารคลังสินค้าและโรงงานสำเร็จรูป รวมถึงอาคาร Built-to-Suit ใน 3 โครงการ คิดเป็นพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 221,678 ตารางเมตร ซึ่งเป็นโครงการเดียวกับที่กองทรัสต์ฯ ลงทุนอยู่ในปัจจุบัน และภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ PROSPECT REIT จะมีพื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้นประมาณ 76% เป็น 514,010 ตารางเมตร ได้แก่
(1) โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1 ถนนบางนา-ตราด กม.23 จะลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน และสิทธิการเช่าอาคาร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 158,315 ตารางเมตร โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 92.7%
(2) โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2 ถนนเทพารักษ์ จะลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 26 ปี และลงทุนในกรรมสิทธิ์อาคาร มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 12,481 ตารางเมตร โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 98.4% และ
(3) โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 ถนนบางนา-ตราด กม.19 จะลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารของโครงการ มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 50,882 ตารางเมตร โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 97.3%
การลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะส่งผลดีต่อกองทรัสต์ฯ และผู้ถือหน่วยทรัสต์ โดยมีจุดเด่นในการลงทุน ได้แก่ (1) ทรัพย์สินที่จะลงทุน
มีศักยภาพสูง ประกอบด้วย (1.1) ทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่สำคัญของประเทศ ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง นอกจากนี้ ยังตั้งอยู่ในพื้นที่ผังเมืองสีม่วงสำหรับประกอบการอุตสาหกรรม ผู้เช่าสามารถใช้พื้นที่ได้เต็มประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่น ประกอบกิจการได้ทั้งโรงงานและคลังสินค้า ส่งผลให้ทรัพย์สินมีความต้องการเช่าพื้นที่สูง นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้รับผลเชิงบวกจากแนวโน้มการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนมายังภูมิภาคอาเซียน เพื่อรับมือกับผลกระทบของสงครามการค้า
(1.2) มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้เช่า โดยโครงการบางฟรีเทรดโซน 1 และโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 มีพื้นที่บางส่วนเป็นเขตปลอดอากร หรือ Free Zone ทำให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ดังกล่าวได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
(1.3) อาคารมีคุณภาพสูง ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันของผู้เช่ารายย่อยแต่ละราย และมีระบบสาธารณูปโภครองรับอย่างครบครัน
(1.4) มี พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญบริหารอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า โดยมีประสบการณ์พัฒนาและดำเนินโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนมากว่า 18 ปี ปัจจุบันมีโครงการภายใต้การบริหารจัดการ 7 โครงการ พื้นที่รวมประมาณ 1.04 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ให้บริการได้อย่างครบวงจร ทั้งการประสานงานกับหน่วยงานราชการและให้คำปรึกษาในการขอใบอนุญาตที่จำเป็นแก่ลูกค้า
และ (2) การลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) เป็น 31.4% จากปัจจุบัน 29.2% ของมูลค่าประเมินทรัพย์สิน ซึ่งจะทำให้กระแสรายได้ของกองทรัสต์ฯ มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น และภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้การประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนปีแรกเพิ่มขึ้นเป็น 10.6%
นายมานพ เพชรดำรงค์สกุล หัวหน้าสายธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า หลังจากบริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (แบบ Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบ Filing แล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมการเสนอขายหน่วยทรัสต์ โดยการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้มีมูลค่ารวมไม่เกิน 3,350 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 310 ล้านหน่วย และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินไม่เกิน 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ การลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการสร้างรายได้แก่กองทรัสต์และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย