ชาญวิทย์ ชรินธร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซัพพลายเชน บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ "โคคา-โคล่า" ที่ได้รับสิทธิ์รับผิดชอบ 63 จังหวัดทั่วประเทศ กล่าวว่า "โคคา-โคล่า ไทยน้ำทิพย์ มุ่งดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน เราดำเนินธุรกิจภายใต้แผนงานด้านความยั่งยืน "Our Choice, Our Future!" ของสไวร์ โคคา-โคล่า ซึ่งเป็นพันธมิตรผู้ผลิตและจำหน่ายรายใหญ่ที่สุดลำดับที่ 5 ของโลกของ "โคคา-โคล่า" โดยหนึ่งในประเด็นที่เราให้ความสำคัญคือด้านสิ่งแวดล้อม โคคา-โคล่า ไทยน้ำทิพย์ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สร้างความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม จนได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นประเภทการจัดการพลังงาน ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศของอุตสาหกรรมไทย เราจะเดินหน้าพัฒนาและขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและสิ่งแวดล้อมของไทยที่ดีขึ้นต่อไป"
ในด้านการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โคคา-โคล่า ไทยน้ำทิพย์ บริหารการใช้พลังงานในขั้นตอนการผลิต โดยมีโรงงานรังสิต เป็นต้นแบบการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การกำหนดนโยบาย จัดโครงสร้างทีมผู้รับผิดชอบด้านการใช้พลังงาน วางแผน ควบคุมการดำเนินการ ติดตามผลและยกระดับการพัฒนา โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเสริมประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานของเครื่องจักร ครอบคลุมการใช้พลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อน ช่วยลดอุณหภูมิเครื่องจักร สามารถนำน้ำจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ซ้ำได้ในส่วนการทำงานของเครื่องจักร ทำให้ตั้งแต่ปี 2564 - 2566 โรงงานรังสิตสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงได้ราว 9,100,000 kWh และลดการใช้พลังงานความร้อนลงประมาณ 540,000 ลิตรน้ำมันเตา หรือเทียบเท่ากับราว 22,600,000 MJ ซึ่งโดยรวมเทียบเท่ากับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 6,300 ตันคาร์บอน
โคคา-โคล่า ไทยน้ำทิพย์ ส่งมอบความสุขและความสดชื่นให้กับผู้บริโภคในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2502 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ยาวนานกว่า 65 ปี มีโรงงานไทยน้ำทิพย์ 5 แห่ง ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่ผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังระดับโลกจาก "โคคา-โคล่า" และมีกำลังการผลิตรวมกว่า 450 ล้านยูนิตเคสต่อปี นอกจากรางวัลล่าสุดในครั้งนี้ โคคา-โคล่า ไทยน้ำทิพย์ ยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 3 (ระบบสีเขียว) จากกระทรวงอุตสาหกรรมเมื่อปีที่ผ่านมา
ที่มา: Hill & Knowlton
