"ปกติการคัดกรองสุขภาพจิตไม่เพียงพอ และการที่ทุกคนจะเข้าถึงและพบจิตแพทย์ก็ยากเนื่องจากข้อจำกัดด้านจำนวนบุคลากรด้านจิตเวชในประเทศไทย นอกจากนี้ แนวทางการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยด้วยการสัมภาษณ์ยังขึ้นกับดุลยพินิจของจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ทำให้ผลการวินิจฉัยอาจแตกต่างกันและไม่อาจสรุปได้อย่างแม่นยำ เราจึงพยายามหาวิธีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์และมีประสิทธิภาพสูง ราคาไม่แพง เพื่อใช้ในการคัดกรองสภาวะทางจิตก่อนพบจิตแพทย์ ซึ่งเราพบว่าวิธีการตรวจหาสารเคมีจากกลิ่นเหงื่อเป็นวิธีที่น่าสนใจ เพราะเป็นวิธีที่ไม่จำเป็นต้องเจาะเลือดให้เจ็บตัว และสามารถวัดผลจากสิ่งที่จับต้องได้จริงๆ มีความคลาดเคลื่อนน้อย" อ.ดร.พญ.ภัทราวลัย กล่าว
นวัตกรรมนี้ใช้เพียงก้านสำลีเก็บตัวอย่างเหงื่อจากรักแร้ 15 นาที สามารถตรวจพบสารเคมีที่บ่งชี้ภาวะเครียดได้อย่างแม่นยำสูง แก้ปัญหาการคัดกรองแบบเดิมที่ต้องพึ่งการสังเกตพฤติกรรมและการประเมินจากจิตแพทย์ อีกทั้ง บริการทางจิตแพทย์ไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยทีมวิจัยได้ทดสอบกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 1,000 นาย จาก 48 สถานีในกรุงเทพฯ และพยาบาลกว่า 1,000 คนจากโรงพยาบาลทั่วประเทศ
การที่ CNN ให้ความสนใจครั้งนี้ สะท้อนศักยภาพของนักวิจัยไทยในเวทีโลก และความสำคัญของการค้นพบที่จะยกระดับการดูแลสุขภาพจิตของประชากรโลก โดยเฉพาะในยุคที่ปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นความภาคภูมิใจของวงการแพทย์ไทยที่ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมนี้ ที่ https://www.chula.ac.th/highlight/120183/
ดูการสัมภาษณ์โดย CNN ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=5Y0AfQb_ftE
"จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยที่สร้างนวัตกรรมเพื่อสังคม และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงติด 100 อันดับแรกของโลกด้านชื่อเสียงทางวิชาการ โดย (QS) World University Rankings 2021-2022"