เดินหน้าลดน้ำตาลลงต่ำกว่า 6% เกือบยกพอร์ต
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เผยว่าปริมาณการบริโภคน้ำตาลของคนไทยลดลงจาก 27 ช้อนชาต่อวัน เหลือ 23 ช้อนชาต่อวัน แต่ยังคงสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน โดยที่น้ำตาลส่วนเกินนี้มาจากเครื่องดื่มมากที่สุด รองลงมาคืออาหาร และขนม สะท้อนพฤติกรรมและวัตนธรรมการกินของคนไทย ที่ "กินคาว ต้องกินหวาน" ทำให้สัดส่วนการบริโภคน้ำตาลในชีวิตประจำวันค่อนข้างสูง ดังนั้นแล้วภารกิจแรกในการส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้บริโภคคือการลดน้ำตาลในเครื่องดื่ม
"หากมองแค่เพียงผิวเผิน การลดน้ำตาลในเครื่องดื่มอาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ความท้าทายคือการทำอย่างไรให้เครื่องดื่มแต่ละประเภทยังคงรสชาติที่อร่อยถูกปากผู้บริโภคเหมือนเดิม นี่เป็นโจทย์สำคัญที่ทำให้ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราทำงานอย่างหนัก ซึ่งในปัจจุบัน 99% ของพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มในประเทศของโอสถสภา มีส่วนประกอบของน้ำตาลน้อยกว่า 6%" ดร. วิลเลียม ลีโอ Chief Innovation Officer บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าว
อร่อยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคุณประโยชน์
นอกเหนือจากการปรับเครื่องดื่มให้มีน้ำตาลน้อยและอร่อยเหมือนเดิมแล้ว ภารกิจที่สองที่โอสถสภาทำเพื่อผู้บริโภคคือการเพิ่มเติมคุณประโยชน์ เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไปทั้งเรื่องอาหารการกิน และการใช้ชีวิตประจำวัน จึงเล็งเห็นโอกาสในการช่วยสร้างความสมดุลด้านโภชนาการและส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้บริโภคในบริบทต่าง ๆ อย่างเช่น คนวัยทำงานและนักศึกษา ที่มองเครื่องดื่มเติมความสดชื่นระหว่างวัน โอสถสภาก็ได้พัฒนา "M-150 Sparkling Energy Drink" เครื่องดื่มบำรุงกำลังแบบอัดก๊าซที่ถูกเรียกกันจนติดปากว่า "มิโซ (Miso)" เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการ โดยนอกจากจะเป็นสูตรที่ไม่เติมน้ำตาลและใช้ส่วนผสมจากคาเฟอีนธรรมชาติแล้ว ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ยังเพิ่ม วิตามิน บี 3 บี 6 และบี 12 ที่มีประโยชน์ต่อระบบสมองและประสาท รวมถึง Zinc ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หรือ L-Carnitine ที่มีบทบาทสำคัญต่อขบวนการสลายกรดไขมันในร่างกาย เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภคแทนการดื่มกาแฟหรือน้ำอัดลมทั่วไปที่อาจแฝงมาด้วยน้ำตาลและไขมันส่วนเกิน
อีกทั้งพฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนในปัจจุบันที่เป็นเรื่องยากในการจะได้รับกากใยจากผักและผลไม้อย่างเพียงพอในแต่ละมื้ออาหาร โอสถสภาจึงคิดค้นหาวิธีช่วยเพิ่มสมดุลทางโภชนาการ โดยการเติมใยอาหารลงไปในเครื่องดื่ม "คาลพิส แลคโตะ" สูตรใหม่ ที่อุดมไปด้วยแลคโตบาซิลลัสและไฟเบอร์ 5,000 มิลลิกรัม เพื่อช่วยปรับสมดุลทางเดินอาหารและการขับถ่าย หรือนวัตกรรมล่าสุดของเครื่องดื่ม "ซี-วิท" ที่มีการปรับสูตรเพิ่มวิตามินซีสูงถึง 1,000 มิลลิกรัม จากการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญและต้องการการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะวิตามินซีที่เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นวัตกรรมเหล่านี้จึงเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดของความพยายามในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้บริโภค ผ่านการเติมส่วนผสมที่มีคุณค่าทางโภชนาการลงไปในเครื่องดื่มทุกขวดของโอสถสภา ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารสกัดจากพืชและสมุนไพรที่มีประโยชน์
ยกระดับการส่งเสริมสุขภาพ ผ่านนโยบายและมาตรฐานรับรอง
ด้วยความมุ่งมั่นส่งมอบนวัตกรรมเครื่องดื่มให้ "ดับกระหาย ได้คุณประโยชน์" ผ่านการลดปริมาณน้ำตาล ลดโซเดียม และเพิ่มเติมส่วนผสมที่มีคุณสมบัติส่งเสริมสุขภาพ ทำให้เครื่องดื่มกลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์ของโอสถสภาถึง 75% ได้รับตรารับรอง "เครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพ" นอกจากนี้ โอสถสภายังคงมุ่งหน้ายกระดับการส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยได้มีการประกาศนโยบายด้านโภชนาการและสุขภาพ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้มีคุณค่าทางโภชนาการ มีรสชาติดี และจำหน่ายในราคาที่เข้าถึงง่าย โดยครอบคลุมการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องดื่มซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัท อีกทั้งยังกำหนดให้มีการทบทวนเกณฑ์โภชนาการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้บริโภค ควบคู่กับการดำเนินแผนงานด้านความยั่งยืนตามหลัก ESG มุ่งสู่การเป็น "พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต" อย่างยั่งยืน
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย